“จุรินทร์”รับเรื่อง “บำนาญประชาชน” ส่งต่อ "สำนักนายกฯ -คลัง”

2020-07-14 04:30:01

“จุรินทร์”รับเรื่อง “บำนาญประชาชน” ส่งต่อ "สำนักนายกฯ -คลัง”

Advertisement

“จุรินทร์” พบปะเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการรับเรื่อง “บำนาญประชาชน” ส่งต่อ "สำนักนายกฯ -ก.คลัง”

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.  ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล รับหนังสือจากกลุ่มเครือข่ายประชาชนเพื่อรับสวัสดิการ ซึงมีข้อเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เซ็นรับรองยกร่างกฎหมายบำนาญแห่งชาติ เพื่อจะให้คนไทย 21 ล้านคน มีบำนาญ


นายจุรินทร์ ได้กล่าวทักทายประชาชนว่า ความจริงเรื่องนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและในส่วนของตนจะถือโอกาสรับเรื่องนี้ไปที่จะส่งต่อไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลังความจริงวันนี้ตนอยู่ในฐานะสองสถานภาพ คือในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาล และอีกฐานะหนึ่งคือในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ขอใช้เวลาตรงนี้นิดเดียวขอเรียนว่าสอดคล้องกับนโยบายของพรรคชัดเจนอยู่แล้ว  เพราะเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็เริ่มในรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในรัฐบาลชวน1 เริ่มตั้งแต่ 200 บาท พัฒนาเป็น 300 จนถึง 500 บาทในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ จนพัฒนามาเรื่อยๆ จนถึง 1,000 บาท ขณะเดียวกันนโยบายของประชาธิปัตย์ที่จดทะเบียนไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ระบุไว้ชัดเจนว่าเราต้องการให้มีบำนาญประชาชน ตนเป็นคนเขียนเอง และเป็นประธานยกร่าง และสุดท้ายก็มีการพัฒนามาเป็นพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ อันนั้นคือบำนาญประชาชน แต่ก็มีวิวัฒนาการต่อมาในการดำเนินการ และถัดจากนี้ไปก็จะเป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนาให้เกิดขึ้นและรวมทั้งให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ นั่นก็คือจะต้องให้การสนับสนุนให้มีบำนาญแห่งชาติขึ้นมา เพราะฉะนั้นวันนี้ก็จะมาขอรับเรื่องนี้ไปเพื่อส่งต่อให้กับสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการคลัง ขณะเดียวกันก็จะนำร่างนี้ส่งเข้าสู่การประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ ได้พิจารณาเพื่อที่จะได้ดำเนินการในกระบวนการต่อไป


ด้านนายจุติ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการเตรียมการมาประมาณแปดเดือน โดยมี ดร. เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ร่วมกับภาคประชาชน และมีการทำประชาสังคมแล้ว ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ตนได้เดินทำงานเพื่อพี่น้องต่อไป