"เทพไท"ตอกกลับ "ธนกร"พูดจาเสียดสี "อภิสิทธิ์" พร้อมสอนมวย "พัชรินทร์" การทำหน้าที่โฆษกที่ดีต้องรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ชกข้ามรุ่นระวังจะถูกน็อกเสียมวยได้ง่าย ต้องพูดจาแบบตรงไปตรงมาในลักษณะสร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการเสียดสี ใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เฟซบุ๊กไลฟ์จากกล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน ได้กล่าวพาดพิงถึงการแสดงความคิดเห็นในเชิงวิชาการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในเวทีเสวนา "365 วันรัฐสวัสดิการ" จัดโดยเครือข่าย We Fair เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 63 ที่หอประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา แยกคอกวัว ว่า ตนในฐานะอดีตโฆษกส่วนตัวของนายอภิสิทธิ์ เมื่อเห็นการให้สัมภาษณ์ในลักษณะเสียดสี บิดเบือนข้อเท็จจริง พาดพิงให้นายอภิสิทธิ์ ได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงว่า การที่นายอภิสิทธิ์ ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองในครั้งนี้ ก็เพราะได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรจึงจำเป็นต้องแสดงความเห็นตามหัวข้อการเสวนา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อเท็จจริงและเป็นข้อมูลทางวิชาการทั้งสิ้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ได้รับความเสียหาย และนายอภิสิทธิ์ ยังเสนอแนะเรื่องการปรับ ครม.กับ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ควรให้โอกาสคนมีความสามารถช่วยบริหารประเทศด้วย แต่กลับมีลิ่วล้อของพรรคพลังประชารัฐบางคน ที่หลุดจากตำแหน่งโฆษกพรรค และกำลังจะตกงานจากการปรับ ครม.ในครั้งนี้ ออกมาฟาดงวงฟาดงาพูดจาเทอะเทอะ เรียกราคาค่างวดให้กับตัวเอง เพื่อหวังให้ผู้มีอำนาจได้เห็นความดี หวังจะได้รับความชอบเพื่อปูนบำเหน็จให้ได้รับตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมาได้ซื้อหวยผิด กระโดดออกจากกลุ่มสามมิตรมารับใช้กลุ่ม4กุมารอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู สุดท้ายเมื่อกลุ่ม 4 กุมารถูกลอยแพ ต้องลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตัวเองก็พลอยตกกระป๋องไปด้วย ไม่กล้าลาออกตามเจ้านายไป จึงหวังจะกระโดดจากกลุ่ม 4 กุมาร เพื่อกลับไปกลุ่มสามมิตรอีกครั้ง ซึ่งเป็นปกติของนักการเมืองบางจำพวก ที่ใช้ทฤษฎีเห็บหมา เมื่อหมาตัวเดิมตาย เห็บก็กระโดดไปเกาะหมาตัวใหม่ จึงจำเป็นต้องออกมาพูดจาพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เรื่องเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในปี 2553 ที่มีนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อยากจะถามว่าในตอนนั้นนายธนกร ยืนอยู่ข้างฝ่ายใด อยู่ในกลุ่มที่เป็นนั่งร้านให้ระบอบทักษิณใช่หรือไม่ เมื่อระบอบทักษิณล่มสลาย ก็เปลี่ยนมาเป็นนั่งร้านให้กับระบอบ คสช.หรือระบอบประยุทธ์ในปัจจุบัน และหลังจากนี้จะย้ายไปเป็นนั่งร้านให้กับกลุ่มใดอีก
นายเทพไท กล่าวต่อว่า อยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี2553 ที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น รายชื่อฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมดในจำนวนนั้น ก็มีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรองผู้บัญชาการทหารบกด้วย ถ้านายธนกรจะออกมาตำหนินายอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ ข้อควรไปศึกษาประวัติศาสตร์ให้ถ่องแท้ว่า กลุ่มพี่น้อง3 ป. ที่นายธนกรกำลังเชียร์และอาศัยใบบุญอยู่นั้น มีความรับผิดชอบการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในการเผาบ้านเผาเมืองด้วยหรือไม่
ส่วนกรณี น.ส.พัชรินทร์ ออกมาชี้แจงผลงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องที่รับฟังได้ การพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์บ้างในบางประเด็นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ถือสาเพราะเป็นโฆษกมือใหม่หัดขับ และมีการยอมรับว่าการให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์นั้นเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา ถือว่าเป็นความงดงามในระบอบประชาธิปไตย ที่มีความเห็นแตกต่างกัน และสามารถวิพากษ์วิจารณ์กันได้ ก็ถือว่าเป็นโฆษกป้ายแดงใจกว้างกว่าโฆษกพรรคคนเก่า เพราะสิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดเรื่อง คะแนนเสียงที่ได้มาของพรรคพลังประชารัฐในการเสนอรายชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคนั้น คะแนนของคนกรุงเทพฯ ก็มาจากการใช้สโลแกนหาเสียง “อยากได้ความสงบจบที่ลุงตู่” แต่สำหรับคะแนนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มาจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่แจกจ่ายให้กับประชาชนเสมือนกับการซื้อเสียงล่วงหน้าแทบทั้งสิ้น
ดังนั้นในฐานะที่เป็นโฆษกรุ่นพี่ก็อยากจะให้ข้อคิดกับโฆษกรุ่นหลังให้ทราบว่าการทำหน้าที่โฆษกที่ดี ต้องรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ที่สูงที่ต่ำ ชกข้ามรุ่นหรือแบกนำ้หนัก ระวังจะถูกน็อกเสียมวยได้ง่าย ต้องพูดจาแบบตรงไปตรงมาในลักษณะสร้างสรรค์ และควรจะใช้ข้อมูลในการชี้แจงประเด็นต่างๆอย่างตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการเสียดสี ใส่ร้ายบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งอาจจะทำให้สังคมสับสน และเกิดความขัดแย้งทางสังคมขึ้นมาอีก