อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเผยผลสำรวจคนไทยกังวลโควิด-19 ระบาดรอบ 2 พฤติกรรมการป้องกันตนเองมีแนวโน้มลดลง
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ องค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยมีสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) เป็นเลขานุการทีมวิชาการจัดทำแบบสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน เพื่อประเมินว่าคนไทยการ์ดตกหรือไม่ และนำข้อมูลไปใช้ในการเฝ้าระวังและปรับมาตรการผ่อนปรนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยทำการเก็บข้อมูลผ่าน 3 ช่องทาง คือ ออนไลน์แพลตฟอร์ม โทรศัพท์สำรวจ และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ประสานความร่วมมือจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 77 จังหวัด กระตุ้นให้ประชาชนในชุมชนร่วมตอบแบบสอบถามผ่านระบบออนไลน์ ใน 7 สัปดาห์ ระหว่างวันที่ 15 พ.ค. – 2 ก.ค. 2563 รวมทั้งสิ้น 407,008 ตัวอย่าง พบว่า คนไทยยังมีความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ระลอก 2 ในประเทศ มากที่สุดจากกลุ่มผับ บาร์ คาราโอเกะ รองลงมาตลาดสด ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนตามลำดับ รวมถึงยังกังวลมาก หากประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 รายต่อวัน อย่างไรก็ตามยังมั่นใจในมาตรการของรัฐบาลว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดย มั่นใจมากร้อยละ 14.8 มั่นใจร้อยละ 40.5 ไม่มั่นใจนักร้อยละ 28.6 ไม่มั่นใจเลยร้อยละ 10.2 ไม่ทราบ/ไม่แสดงความคิดเห็นร้อยละ 5.9
นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า ผลการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองภาพรวมมีแนวโน้มลดลง จากร้อยละ 85.3 ในสัปดาห์ที่ 1 ลดลงเป็นร้อยละ 80.7 ในสัปดาห์ที่ 7 แบ่งเป็นพฤติกรรม 5 ด้าน ได้แก่ การใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา ร้อยละ 87.9, การกินอาหารร้อนช้อนตนเอง ร้อยละ 86.2, การล้างมือบ่อยๆ ร้อยละ 84.9 การระวังตัวไม่อยู่ใกล้ผู้อื่นในระยะ 2 เมตร ร้อยละ 73.4 และการระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ร้อยละ 72.4 นอกจากนี้ยังพบว่าประชาชนมีแนวโน้มเกิดการรวมกลุ่ม และไปต่างจังหวัดมากขึ้น ส่วนสาเหตุการไม่ลงทะเบียนเข้าออกผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ เนื่องจากลืม ไม่มั่นใจความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว และทางร้านไม่มีคิวอาร์โค้ดหรือสมุดลงชื่อไว้ให้ นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 88 สนับสนุนการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศ และร้อยละ 80 คิดว่ามาตรการ Travel Bubble จะสามารถกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศได้ แต่ร้อยละ 70 ไม่สนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนไทยอย่างต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ อีก 6 ครั้ง ระหว่างวันที่ 16 ก.ค.- 24 ก.ย. 2563 เพื่อนำผลการศึกษามาใช้ในการเฝ้าระวังและปรับมาตรการผ่อนปรนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป