"ยาย"เก็บเห็ดประทังชีวิตถูกแจ้งจับฐานบุกรุก

2020-07-09 12:25:49

"ยาย"เก็บเห็ดประทังชีวิตถูกแจ้งจับฐานบุกรุก

Advertisement

หน.สถานีเพาะชำกล้าไม้ ไม่ยอมความ แจ้งจับ "ยายวัย 63" เก็บเห็ดประทังชีวิต ในข้อหาบุกรุก

เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธานินทร์ อินทร์กอง รอง ผกก.สอบสวน และพนักงานสอบสวน เข้าสอบปากคำ นางปราณี โยแก้ว อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85/3 หมู่ 7 บ้านบัวระรมย์ ต.ตองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ, นางบุญมี อิทธิเดช อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ 7 ตำบลเดียวกัน และนางทัศศอร โยแก้ว อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่ 7 ตำบลเดียวกัน สืบเนื่องจาก นายประธาน ตันรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.ศรีสะเกษ มีหนังสือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้าแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากทั้ง 3 คนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่บริเวณสถานีเพาะชำกล้าฯ และลักลอบเก็บเห็ดโดยไม่ได้รับอนุญาต

สอบสวน นางทัศศอร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนทั้ง 3 คนอาศัยรถของเพื่อนบ้านเพื่อออกตระเวณหาเก็บเห็ดขมที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติใต้โคนต้นยูคาลิปตัส เพื่อนำไปทำอาหารให้คนภายในครอบครัวรับประทาน เนื่องจากพวกตนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำอาชีพอื่นจนขาดรายได้ จึงพากันไปหาเก็บเห็ดที่ป่าบ้านหนองม่วงหนองสวง ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้เห็ดขมมาคนละประมาณ 7-10 ดอก หลังจากตระเวณหาแล้วไม่มีเห็ดขมให้เก็บอีก จึงพากันอาศัยรถเพื่อนบ้านมาหาเก็บเห็ดที่ป่ายูคาลิปตัสซึ่งอยู่ริมถนน ทางไปมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน ต.หนองไผ่




นางทัศศอร ให้การต่อว่า พอพวกตนพากันลงจากรถแล้วก็ถือตระกร้าและเสียมพากันเดินเข้าไปในป่ายูคาลิปตัส โดยที่ดินผืนดังกล่าวไม่มีการกั้นรั้วแต่อย่างใด และไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ของใคร แต่ว่าพวกตนเพียงแค่ต้องการมาหาเก็บเห็ดขมไปกินประทังชีวิตเท่านั้น โดยนางปราณี แม่ย่าของตน เดินล่วงหน้าเข้าไปในป่าห่างจากริมถนนประมาณ 70 เมตร พวกตนเกรงว่านางปราณี จะหลงป่า เนื่องจากสุขภาพร่างกายและสายตาไม่ค่อยดี แต่เมื่อตามเข้าไปในป่ากลับพบว่า นางปราณี ถูกเจ้าหน้าที่สถานีเพาะชำกล้าไม้ฯ จับกุมเอาไว้ และยังจับกุมตนและนางบุญมี ที่เดินตามหลังมา ทั้งๆ ที่พวกตนยังไม่ได้เก็บเห็ดที่บริเวณป่ายูคาลิปตัสแห่งนี้แม้แต่ดอกเดียว ก่อนให้ ตร.มาจับกุมพวกตน

ด้าน พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ทธานินทร์ อินทร์กอง รอง ผกก.สอบสวน พยายามเจรจาไกล่เกลี่ยและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยให้ดูเจตนาของชาวบ้านด้วย นอกจากนี้ตนได้ประสานงานไปยัง นายสมเกียรติ ศรีขาว นายอำเภอเมืองศรีสะเกษ เพื่อขอให้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยกับหัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ฯ ไม่ให้เอาเรื่องกับชาวบ้านทั้ง 3 คน แต่ปรากฏว่าไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ เนื่องจากหัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ฯ ไม่ยินยอม โดยยืนยันว่าจะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ตนจึงสั่งการให้นำตัวชาวบ้านทั้ง 3 คนที่ถูกกล่าวหามาทำการสอบสวน พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในชั้นสอบสวน



ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวหากสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่าไม่ครบองค์ประกอบของการกระทำความผิด โดยชาวบ้านทั้ง 3 คนไม่ได้มีเจตนาที่จะบุกรุก หรือหลักฐานไม่เพียงพอ พนักงานสอบสวนจะดำเนินการสั่งไม่ฟ้อง หรือถ้าสอบสวนแล้วมีเจตนาบุกรุกเข้าไปรบกวนสิทธิ์คนอื่นโดยหลักฐานครบถ้วน ทางตำรวจก็ต้องดำเนินการส่งฟ้องตามหลักกระบวนการยุติธรรม แต่ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนจะยังไม่แจ้งข้อกล่าวหากับชาวบ้านทั้ง 3 คน เพราะยังไม่ได้ถูกตำรวจจับกุม โดยหลังจากเสร็จสิ้นขบวนการสอบปากคำแล้ว ก็จะปล่อยตัวชาวบ้านทั้ง 3 คนกลับบ้าน ก่อนนัดหมายมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อไป