ชาวเซอร์เบียหลายพันคน ประท้วงเดือดต่อต้านการใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ของรัฐบาล หลังผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอีก
ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิซ ผู้นำเซอร์เบีย แถลงข่าวผ่านทางสถานีโทรทัศน์เมื่อวันพุธว่า เหตุจลาจลในกรุงเบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบียเมื่อวันอังคาร เป็น “ความรุนแรงทางการเมือง” ซึ่งมีอิทธิพลมาจากนอกประเทศ เพราะมีน้อยมากที่จะเกิดขึ้นด้วยความโกรธแค้นของประชาชนกรณีรัฐบาลมีแผนการล็อคดาวน์รอบ 2 เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยประชาชนหลายร้อยคนปะทะกับตำรวจ และบุกจู่โจมอาคารสมัชชาแห่งชาติ หรือรัฐสภานายหลายชั่วโมง หลังมีการประกาศว่า จะบังคับใช้เคอร์ฟิวในกรุงเบลเกรดอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น ความรุนแรงดังกล่าวทำให้ตำรวจบาดเจ็บไป 43 นาย มีนายหนึ่งอาการหนักกะโหลกศรีษะร้าว ซึ่งนายวูซิซ ก็ได้แสดงรูปภาพของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บด้วย
ประธานาธิบดีเซอร์เบีย กล่าวอีกว่า ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วย “เกียรติ” และยับยั้งชั่งใจไม่ใช้กำลังนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในที่สุดแล้ว ม็อบก็ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งจากผลของความรุนแรงดังกล่าว ยังทำให้ผู้ประท้วงได้รับบาดเจ็บด้วย 17 คน และถูกจับกุมตัวไป 23 คน
นายวูซิซ บอกด้วยว่า ผู้อยู่เบื้องหลังความรุนแรงครั้งนี้ เป็น “สมาชิกขององค์การฝ่ายขวา” สโลแกนของกลุ่มผู้ก่อจลาจลไม่ได้เกี่ยวกับโควิด-19 ทั้งหมด แต่เกี่ยวกับผู้อพยพ, เครือข่าย 5จี และการเจรจาที่กำลังจะเกิดขึ้นระหว่างเขากับนายอัฟดัลลาห์ โฮตี นายกรัฐมนตรีแคว้นโคโซโว ดินแดนกบฏที่แยกตัวออกจากเซอร์เบีย ซึ่งชาวเซอร์เบียเรียกว่า “คนทรยศ”
ประธานาธิบดีเรียกร้องให้ประชาชนไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุมตามท้องถนนเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส “ไม่มีเตียงคนป่วยว่างแล้วในโรงพยาบาล” เขาเตือน แต่ก็ให้คำมั่นว่า จะเปิดโรงพยาบาลแห่งใหม่
ส่วนในวันพุธ ตำรวจเซอร์เบียยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง หลังถูกขว้างด้วยลูกไฟและก้อนหิน ขณะที่ชาวเซอร์เบียหลายพันคนก่อหวอดประท้วงหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงเบลเกรด แม้ว่าจะมีคำเตือนว่าการชุมนุมประท้วงดังกล่าวอาจทำให้เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 มากขึ้น
ผู้ประท้วงส่วนใหญ่ในช่วงเย็นวันพุธ สวมหน้ากากอนามัย เป่านกหวีด และตะโกนขับไล่ประธานาธิบดีวูซิซ ขณะที่พวกเขาเผชิญหน้ากับตำรวจปราบจลาจลที่รักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารรัฐสภา ผู้ประท้วงบางคนขว้างปาก้อนหินและลูกไฟเข้าใส่ตำรวจ ซึ่งก็ตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตา
ทั้งนี้ เซอร์เบีย ซึ่งมีประชากร 7 ล้านคน รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วประเทศ 17,076 คน และเสียชีวิต 341 คน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กล่าวว่า โรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยเต็มความสามารถแล้ว และบุคลกรทางการแพทย์ก็เหนื่อยล้าเต็มที ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันเพิ่มขึ้นอีก 357 คน จาก 299 คนในวันอังคาร
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การตัดสินใจของรัฐบาลที่อนุญาตให้จัดการแข่งขันฟุตบอล, ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา, จัดปาร์ตีและชุมนุมกันได้อีกครั้ง และการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการติดเชื้อไวรัสกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก ขณะที่รัฐบาลก็ตำหนิการหย่อนยานในการรักษาสุขอนามัยและความสะอาดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไนท์คลับต่าง ๆ