สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ในอินเดีย นับวันยิ่งทรุดหนัก ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่มากกว่า 24,000 คน ลดลงเล็กน้อยจากสถิติเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งอยู่ที่เกือบ 25,000 คน ทำให้ขณะนี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียพุ่งแซงรัสเซียไปแล้วเรียบร้อย อยู่ที่เกือบ 700,000 คน และการระบาดยังไม่มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวลง ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 20,000 คน ตั้งแต่ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้อินเดียเป็นประเทศที่มีการระบาดของไวรัสมรณะรุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ตามหลังสหรัฐและบราซิล
กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศขณะนี้ อยู่ที่ 697,413 คน และเสียชีวิต 19,693 คน ตัวเลขการเพิ่มขึ้นล่าสุดนี้ เป็นการเพิ่มขึ้นในหลายรัฐทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งรวมทั้งรัฐเตลังคานา, ทมิฬนาฑู และกรณาฏกะ
อินเดียเปิดศูนย์การค้า, ศาสนสถานและสำนักงานอีกครั้งเมื่อหนึ่งเดือนก่อน และในช่วง 3 วันที่ผ่านมา การระบาดของไวรัสในอินเดียอยู่ในระดับที่น่าตื่นตระหนกมาก เมื่อพบผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 20,000 คนต่อวัน แม้ว่าอินเดียจะเป็นประเทศที่ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 3 แต่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่อันดับ 8 จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ในสหรัฐ
หลายรัฐทางภาคใต้ของประเทศ บริหารจัดการควบคุมการระบาดของไวรัสได้ดีก่อนหน้านี้ แต่สถานการณ์เปลี่ยนแปลง เพราะมีรายงานผู้ติดเชื้อในรัฐกรณาฏกะ, เตลังคานา, อานธรประเทศ และทมิฬนาฑู กำลังพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วกว่าอัตราการติดเชื้อทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาล กล่าวว่า พวกเขาต้องเปลี่ยนใจในการกลับมาเปิดทัชมาฮาล แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของอินเดีย ในเมืองอัครา ห่างจากกรุงนิวเดลี ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตรในวันนี้ (จันทร์) หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ อินเดียประกาศใช้มาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มข้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อพยายามที่จะควบคุมการระบาดของไวรัส ซึ่งในตอนนั้น จำนวนผู้ติดเชื้ออยู่ที่หลักร้อยเท่านั้น อินเดียเริ่มผ่อนคลายล็อคดาวน์ในเดือนมิถุนายน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ แม้ว่าผู้ติดเชื้อไวรัสจะยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง
แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า อัตราการเสียชีวิตในอินเดียยังอยู่ในระดับต่ำ ที่ 2.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยทั่วโลก ซึ่งอยู่ที่ 4.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ อัตราผู้รักษาหายทั่วประเทศก็เพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อ ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ดี
อย่างไรก็ตาม มีรายงานมากมายที่ระบุว่า ผู้ป่วยถูกปฏิเสธ ไม่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลหลายแห่ง ในหลายเมือง ทั้งในกรุงนิวเดลี, มุมไบและบังกาลอร์ จนทำให้ผู้ติดเชื้อบางรายเสียชีวิต ซึ่งก็กระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตรวจหาเชื้อในประชาชนมากขึ้น หลายเมืองและหลายรัฐทั่วประเทศ ระดมกำลังตรวจหาเชื้อในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งการตรวจหาเชื้อเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 250,000 ครั้งต่อวัน อีกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อินเดียอาจเข้าสู่ระดับสูงสุดของการระบาดในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งบรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวก่อนหน้านี้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มต้นฤดูมรสุมระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้