ไม่โสดแล้ว “ณัฐรัฐ โมริส” ตั้งมั่นเก็บเงินดูแลรักษาคุณพ่อ

2020-07-02 09:55:41

ไม่โสดแล้ว “ณัฐรัฐ โมริส” ตั้งมั่นเก็บเงินดูแลรักษาคุณพ่อ

Advertisement

ยังคงต้องทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อนำเงินมาดูแลรักษาคุณพ่อและครอบครัวมาโดยตลอดสำหรับนักแสดงหนุ่ม"ณัฐ-ณัฐรัฐ โมริส เลอกรอง" ภายหลังคุณพ่อเกิดอาการป่วยจนต้องดูแลอย่างใกล้ชิด  ล่าสุดเจอเจ้าตัวในงานแถลงข่าวเปิดโครงการ“Chic to Share แสงแห่งความหวังเพื่อชีวิตผู้ป่วยนับล้าน” ณ ชั้น 1 ศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เลยสอบถามถึงอาการป่วยของคุณพ่อ พร้อมถามถึงเรื่องของหัวใจที่ตอนนี้หนุ่มณัฐได้เผยว่ามีสาวคุยอยู่แล้ว โดยเจ้าตัวได้เปิดใจว่า



ตอนนี้สุขภาพคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง?

เราก็ไม่กล้าจะให้คุณพ่อออกไปไหนเพราะว่าท่านอายุมาก ถ้าท่านติดขึ้นมาก็ลำบาก ท่านชอบเผลอจับปาก จับจมูกเยอะ ช่วงโควิดเลยให้อยู่บ้านเลย ก็ไม่มีอะไร ปกติผมก็เป็นคนชอบอยู่บ้านอยู่แล้วด้วย เลยไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ครับ แต่คุณพ่อยังมีนัดที่โรงพยาบาลบ่อยเหมือนกัน บางทีคุณหมอก็นัดทีเดียวแล้วให้ยามากินทั้งปีเลย อย่าเพิ่งมาตอนนี้เลยมันเสี่ยง ส่วนอาการก็จะมีช่วงที่ไม่ค่อยดี แต่ก็โอเคเปลี่ยนยาบ้าง ตอนนี้ก็พอได้ ตอนนี้เรื่องเดินเริ่มไม่คล่องอีกแล้วเพราะพ่อเริ่มมีอาการชัก แล้วคุณหมอก็ให้ยากันชักมา แต่ยามันจะทำให้เบลอๆ จะนอนหลับทั้งวัน เดินก็ยาก ควบคุมปัสสาวะอุจาระก็ยากหน่อยต้องใส่แพมเพิร์ส ผมกับแม่ก็จะช่วยๆกัน ช่วงโควิดเราก็พยายามจ้างพยาบาลนะแต่ไม่มีใครมาเลย(หัวเราะ) ทุกคนคงกลัวกัน ก็โอเคเราว่างอยู่ ก็ช่วยๆกันดูแลเองดีกว่า คือยากันชักมันส่งผลทำใหัคุณพ่ออาจจะเดินไม่ค่อยได้ ก็คิดว่าจะลองเปลี่ยน เพราะยากันชักมันจะทำให้ทุกอย่างจะหลับ แต่ไม่ถึงกับหลับ ต้องป้องกันไม่ให้ชักก็จะทำให้อ่อนเพลีย ง่วงนอน

เครียดไหม?

มันก็จะเหนื่อย บางทีสงสารแม่ แต่มันทำให้เราปลงกับชีวิตนะ เราก็พยายามรักษาสุขภาพ กลับไปบ้านคุณพ่อโอเค เราก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องอะไรมากมาย เรื่องภาวะแทรกซ้อนตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนยาครับ ส่วนสภาพจิตใจคุณพ่อ เขาก็บอกว่าเขาก็เบื่อๆเหมือนกันนะ บางครั้งชีวิตเขาอยากออกไปข้างนอก พอมันทำตรงนั้นไม่ได้เราก็สงสารเขาแหละ บอกเขาว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น พยายามเป็นกำลังใจ อยู่บ้าน พูดคุยให้กำลังใจกัน

ถือว่าเราเป็นเสาหลักของครอบครัว?

ใช่ครับ แต่มันก็เป็นความสุขของเราด้วย เราก็รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ขึ้นมา




คือรายได้หลักของบ้านคือมาจากเรา?

จริงๆคุณพ่อเขาก็มีบำนาญครับ แต่เอาจริงๆมันก็ไม่ค่อยพอ ถ้าอยู่ธรรมดาโอเค ถ้าป่วยคุณพ่อเบิกอะไรไม่ได้เลย บางทีมีราคาต่างชาติด้วย แต่คนจ่ายเป็นคนไทย แต่ไม่เป็นไร เพราะเรายังโอเค พอมีอยู่ เราก็ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอะไร เก็บไว้รักษาคุณพ่อ





เรื่องงานตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

ก็จะมียกเลิกบ้าง ก็พักไปก่อน เราก็ทำอะไรไปเรื่อย ละครออนก็นั่งดูละครกับครอบครัวไปครับ ตอนนี้คิวว่างครับ ถ้าผู้ใหญ่ใจดีก็มีคิวว่างอยู่ครับ ตอนนี้ผมเป็นฟรีแลนซ์แล้วครับ แต่เรายังร่วมงานกับช่อง3อยู่

เรื่องหัวใจเราเป็นยัง?

ก็มีคนคุยๆบ้างครับ

แต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน?



คนนี้ผมก็โอเคนะ

เรียกแฟนได้ใช่ไหม?

ใช่ๆครับ เป็นคนนอกวงการครับ จริงๆเริ่มจากเป็นเพื่อนกันก่อน เพราะเราก็รู้สึกว่าไม่ใช่ว่าจะเห็นปุ๊บแล้วเราจะรักได้ ต้องดู ศึกษาก่อนว่าเขาเข้ากับเราได้ไหม ผ่านไป 1-2 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าคนนี้โอเคนะ คือเขาไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ เขาอยู่เกาหลี ตอนนั้นเขาเรียนม.กรุงเทพ อินเตอร์ แล้วผมก็เรียนด้วยตอนแรกแค่แบบมองว่าเขาสวยดี ติดต่อไว้ แล้วทำไปทำไม เขาก็เรียนที่นี่6เดือนแล้วกลับไปเกาหลี ผมจะอยู่ที่บางเสร่ พัทยา บ่อยมาก ผมซื้อคอนโดอยู่กับพ่อแม่ที่นั่น อากาศมันดี วันหนึ่งเขาก็มากับบริษัทเขาเหมือนพักประจำปี ก็เลยบอกว่าเขาอยู่ไม่ไกล ก็เลยไปหา เราเลยเริ่มคุยกัน หลังจากนั้นเขาก็บอกบริษัทมาที่นี่ๆ ทุกปีเขาก็เลยมา เราก็สังเกตว่าเขาพยายามเรียนภาษาไทย อังกฤษ เพื่อจะคุยกับเรามากขึ้น เราก็รู้สึกว่าเขาดูเป็นห่วงเป็นใยเรา ดูในแววตาเราจะดูออก พอเราพูดเขาจะตั้งใจฟัง


เรื่องระยะทางไม่เป็นอุปสรรคใช่ไหม?
ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกะจะไปหาเขา เพราะเขาก็เริ่มบ่นว่าทำไมเราไม่ไปหา เราก็บอกว่าเราต้องดูแลพ่อ แต่เราก็ซื้อตั๋วซื้ออะไร แต่ดันมาเจอโควิด เขาก็เซ็งนิดนึง เราก็เซ็งแหละ แต่เราก็เข้าใจเนอะ คุยกันมาก็ประมาณ 2 ปีแล้วก็มีงอแงบ้าง บางทีเขาก็กลัวว่าบางทีเราอาจจะไปมีผู้หญิงคนอื่น เราก็ต้องให้เขามั่นใจในตัวเรา พยายามวิดีโอคอลบ่อยๆ เขามีโอกาสได้เจอที่บ้านเราแล้ว แม่ก็ดูชอบเขาครับ

คือเราพร้อมเปิดตัวได้ไม่ปิดบัง?

ณ ยุคนี้ มันไม่ได้เท่อีกต่อไปแล้วถ้าจะบอกว่าผมโสดนะครับ มันดูเหมือนเป็นสอบอุ่นดีกว่า



เรียกว่าคนนี้ใช่แล้ว?

ผมก็ดูว่ามันใช่หลายรอบแล้วแหละ(หัวเราะ) แต่ ณ ตอนนี้คนนี้ก็โอเคสุด

มีมองอนาคตไว้บ้างไหม?

ผู้หญิงเขาก็ต้องคุยเรื่องนี้ แต่ผู้ชายเขาก็จะแบบเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เราก็เข้าใจเขา เราอยากจะมั่นคงกว่านี้ก่อน สมมติว่าถ้าเขามาอยู่นี่ เดี๋ยววันหนึ่งหากเราไม่มีงาน เขาจะลำบากไปหมด เราก็รอให้มั่นคงก่อน ผมบอกเลยนะ ถ้าผมถูกหวยไปขอแต่งงานเลย