"แม่สิตางศุ์" เปิดใจชีวิตที่ต้องสู้กับคำบูลลี่

2020-06-30 09:55:10

"แม่สิตางศุ์" เปิดใจชีวิตที่ต้องสู้กับคำบูลลี่

Advertisement

หลังกลับมาโด่งดังเป็นพลุแตกอีกครั้งในช่วงโควิดเพราะวลีส้มหยุด กลายเป็นประโยคฮิตที่ใครๆก็ต้องพูดตาม "แม่สิตางศุ์ บัวทอง" เน็ตไอดอลคนดัง ที่ล่าสุดได้จูงมือหวานใจ หนุ่มตี๋ มาคุยความรักหวานและอุปสรรคที่ได้ร่วมผ่านด้วยกันมา ในรายการ Club Friday Show แล้ว เจ้าตัวยังเปิดใจเล่าอีกว่าในความโด่งดังที่ได้มาตัวเองนั้น ต้องต่อสู่กับคำบูลลี่ต่างๆนานาๆของเหล่านักเลงคีย์บอร์ดและจากคนที่ไม่ชอบตัวเองหนักมาก และที่เห็นตัวเองไม่ตอบโต้กลับไปแต่จริงๆแล้ว น้ำตาไหลทุกครั้งที่โดนบูลลี่



แม่สิตางศุ์ : หัวใจคนไม่ใช่หิน ฉันทำเป็นหน้าเชิด แต่น้ำตาฉันไหลทุกครั้งเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าฉันไม่ได้เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ แบบนี้ฉันคงจะร้องไห้แล้วล่ะ แต่พอฉันผ่านอะไรมามากฉันเข้าใจ คนที่เห็นคนอื่นด่า แล้วเข้าไปด่าตามโดยที่ไม่ได้ดูรายละเอียดอะไรเลยจะเตือนว่า บาปกรรมมันออนไลน์จริงๆนะคุณ แล้วการทำบาปมันมี บาปอยู่ 3 ทาง กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เมื่อใจเราคิดชั่วก็บาปแล้ว วจีกรรมการไปด่า การพิมพ์คอมเมนท์ สักวัน ผลกรรมพวกนี้ กรรมดีกรรมชั่ว จะกลับไปที่ตัวคนทำ ถ้าอยากให้ครอบครัวและตัวเองเจริญ ก็อย่าไปเที่ยวทำร้ายคนอื่น เวลาใครด่าฉันอีหน้าผี ฉันอยากจะบอกว่า เวลาคลินิกศัลยกรรมเสนอมาโดยมีค่าตัว แพงด้วย คนอื่นต้องจ่ายให้คลินิก 30 เปอร์เซ็นต์ทุกคนก็รู้ ทำไมฉันได้อะไรเยอะกว่าคนอื่น เลยน่าเกลียดเหรอเพราะฉันโชคดีกว่าเหรอ คนโน้นคนนี้มีสิทธิ์ทำคลิปด่าฉัน มีแต่คนเตือนว่าอย่าไปด่ากลับฉันเป็นตัวอะไร กันแน่คือฉันก็ไม่อยากดังหรอกนะ ขนาดฉันดังแล้วเล็บมือเล็บเท้ายังเลอะดินเลย ขนาดตอนที่สบัดต่อ ฉันโดนเฟกนิวส์เพื่อเพิ่มยอดข่าว เพื่อเพิ่มยอดชม 2-3 ล้านวิว แต่ได้ฆ่าฉันแต่ฉันไม่ยอมแพ้นะ โดนลืมงาน โดนแกล้ง โดนลืมงานแล้วแกล้งกัน แล้วโดนด่าด้วยว่า อีแก่ ฉันไม่มีเวลาร้องไห้ด้วยซ้ำไป (แม่สิตางคุ์เสียงสั่น) แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกกับพวกคนชั่ว



ถึงเหตุการณ์ที่มันตันในชีวิตอย่าเพิ่งฆ่าตัวตายนะคุณ ตัวเราถ้าเรามองแล้วยังมีตัวเรา เราไม่ต้องไปร้องขอตัวเราเองเท่านั้นเลยที่จะสร้างพลัง ฉันสู้ไหว ฉันเดินไม่ไหว ฉันโดนด่า โดนทำร้าย ฉันไม่สนใจด้วย ฉันไม่แก้ข่าว ฉันยังเปิดไฟล์ขายของเพื่อเอาเงินไปเยี่ยมผัวที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่พวกมันเข้ามาด่า เขาเคยชวนเราฆ่าตัวตายพร้อมกัน ตอนที่เข้าโรงพยาบาลเขาตื่นมาแล้วเขาตัวกลัวว่าจะตาย แล้วเขาบอกว่าตางคุ์ตายไปด้วยกันเถอะ ฉันก็ตกใจ


ตอนนั้นป่วยมากจนคิดว่าตัวเองไม่รอดเลยใช่ไหม ?

ตี๋ : ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว




แม่สิตางศุ์ : ตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่าฉันร้องไห้ไม่ได้แล้วนะ เพราะเขาไม่สู้แล้ว ฉันหยุดร้องไห้วันนั้นเลยนะ เขาก็ถามว่าเอาเงินมาจากไหนมาเยี่ยมได้ทุกวัน เราก็บอกมาได้ มีคนสั่งของทุกวันเลย แต่ความจริงฉันก็ยืมเงินเขาไงแต่ไม่กล้าบอก ถ้าแฟนเราอ่อนแอ เราไปอ่อนแอด้วยไม่ได้นะคุณ แต่มีคนหนึ่งกระตุ้นว่า สู้สิ และพอเราสู้ เขาก็มาสู้ด้วย นับตั้งแต่นั้นมาฉันเลิกร้องไห้เลย เดี๋ยวเขาชวนตายพร้อมกัน คือถ้าไม่มีเขาตอนนี้ฉันก็อยู่ไม่ได้นะ เราเป็นเอง ผู้ชายคนนี้ เขาก็รู้ว่าฉันไม่ได้รักเขาตั้งแต่แรกนะ เพราะตอนนั้นฉันไม่มีที่พึ่งไง แล้วฉันเหนื่อย ฉันสิ้นหวังไปแล้วเรื่องการมีครอบครัวเพราะฉันปิดฉากครอบครัวฉันแล้วฉันมาเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวฉันเอง เขาเหมือนเป็นคนมาย้ำเตือนว่าการอยู่แบบครอบครัวมันอบอุ่นนะแล้วฉันหายเหนื่อยทุกครั้งที่กอดเขาจริงๆ ขนาดแก่แล้วตื่นมาตอนเช้ายังต้องหอมแก้มกันทุกวัน วันนี้มันเป็นครอบครัวที่เป็นตัวฉัน ที่มีจิตวิญญาณของฉันออกมาฉันเลยรู้ว่าชีวิตจะต้องโดนอะไรเพิ่มหรืออะไรมันไม่มีผลแล้วล่ะ ถ้าเราจนถ้าเราอะไร ถึงวันนี้ ถึงเราไม่ดัง แต่เรายังมีกันและกันอยู่ 2 คนก็พอแล้ว อันนี้เป็นสาเหตุที่ไม่ไปด่าใครเลยเพราะเรามีความสุขอยู่แล้ว

มีอะไรอยากจะบอกเขาตอนนี้บ้าง ?

แม่สิตางศุ์ : บอกกันทุกวันอยู่แล้วค่ะ เราไม่อายที่จะบอกรักกัน ก็อยากจะขอบคุณที่ยังรักฉันตลอดเลย และยังรักฉันเหมือนเดิม 13 ปี เขาปฏิบัติเหมือนเดิมนะ

ตี๋ : อยากให้เขาร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง สมหวังในสิ่งที่ทำ เรารักเขาตรงที่ใจดีมีน้ำใจ แล้วก็สวยขึ้นทุกวันเลยครับ