ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งทางการบริหาร เมื่อเย็นวันศุกร์ ห้ามผู้ประท้วงรื้อทำลายหรือทำให้เสียหาย อนุสาวรีย์หรือสิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งจะถูกลงโทษสูงสุดตามที่กฎหมายกำหนด ถึงขั้นจำคุก
แถลงการณ์ของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่ง คุ้มครองอนุสาวรีย์ อนุสรณ์สถาน และรูปปั้นบุคคลหรือสิ่งของสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศ จากการทุบทำลายหรือทำให้เสียหาย ผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดฐาน “ทำลายทรัพย์สินของรัฐ” และอาจถูกลงโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี คำสั่งยังครอบคลุมถึงผู้ปลุกระดม หรือสนับสนุน ให้มีการกระทำผิดดังกล่าว
คำสั่งของทรัมป์ยังกำหนดให้รัฐบาลกลางสหรัฐ ระงับเงินงบประมาณจากส่วนกลาง ที่จัดสรรให้หน่วยงานด้านยุติธรรมและสำนักงานตำรวจท้องถิ่น ที่ไม่สามารถป้องกัน การทำลายสถานที่สำคัญ ในพื้นที่นั้น ๆ
ทรัมป์ลงนามในคำสั่ง เมื่อเย็นวันศุกร์ ตามเวลาในท้องถิ่น เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากตัดสินใจกะทันหัน ยกเลิกแผนการเดินทางไปสนามกอล์ฟส่วนตัว ในเมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ โดยทรัมป์โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ ว่า เขาจะอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อรับประกันว่า กฎระเบียบของบ้านเมืองจะถูกบังคับใช้
ความเคลื่อนไหวของผู้นำสหรัฐมีขึ้นหลังจากอนุสาวรีย์หรืออนุสรณ์สถาน ในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศ ถูกรื้อทำลาย โดยกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว ซึ่งลุกลามยืดเยื้อนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ตำรวจผิวขาวทำให้ชายผิวสี นายจอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิต ในระหว่างการจับกุม ที่เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนการลงนามในคำสั่ง 1 วัน ทรัมป์ทวีตข้อความ เรียกร้องให้ตำรวจกรุงวอชิงตัน จับกุมและดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามรื้อทำลาย อนุสาวรีย์อดีตประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน ผู้นำสหรัฐคนที่ 7 ซึ่งตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะลาฟาแยตต์ ในกรุงวอชิงตัน.