จ่อเข้าคุกใกล้เกลี้ยงเวที บทส่งท้าย นปช.

2020-06-27 14:15:31

จ่อเข้าคุกใกล้เกลี้ยงเวที บทส่งท้าย นปช.

Advertisement

ยาวนานถึง 13 ปี คดี นปช. บุกปิดล้อมบ้านสี่เสาเทเวศร์ของ "ป๋าเปรม" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อปี 2550

เป็นการเคลื่อนมวลชนของแกนนำจากสนามหลวงไปยังบ้านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ท่ามกลางความพยายามปิดขวางเส้นทางของเจ้าหน้าที่ แต่มวลชนที่กำลังเหิมเกริมไม่ฟังเหตุฟังผลอะไร บุกไปล้อมบ้าน กล่าวหา "ป๋าเปรม" อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อเดือนกันยายน 2549 และเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่ง

ไม่เพียงปิดล้อมธรรมดายังมีแกนนำแนวร่วมบางคนไปทำร้ายร่างกายนายตำรวจได้รับบาดเจ็บท่ามกลางเสียงเชียร์ชุลมุนของมวลชน

คดีนี้ มี 2 สำนวน อัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 15 คน แยกเป็นสำนวนแรก 7 คน ที่ศาลฎีกาเพิ่งพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์จำคุกแกนนำ 5 คน รวมทั้งนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ เลขาฯ นปช. คนปัจจุบัน

ส่วนสำนวนที่ 2 อยู่ระหว่างรอคิว มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. คนล่าสุด นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ รวมอยู่ด้วย รวมถึง พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่เสียชีวิตแล้ว และนายจักรภพ เพ็ญแข และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย ที่หลบหนีคดีไปลี้ภัยต่างประเทศ

เมื่อดูจากคำตัดสินของศาลในสำนวนแรก ทำให้แนวโน้มผู้ต้องหาในสำนวนที่ 2 ไม่แคล้วจะโดนเหมือนสำนวนแรก เพราะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน ร่วมกระทำผิดในกรรมเดียวกัน

แม้นายณัฐวุฒิ จะปล่อยคลิปสื่อสารไปยังมวลชนแนวร่วมว่าพร้อมจะกลับมาหามวลขน หลังเข้าคุกรับโทษ แต่ก็มีประเด็นคำถามสำคัญ คือจะยังรื้อฟื้นพลังและแนวร่วมคนเสื้อแดงได้อย่างมีพลังเหมือนช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาได้หรือไม่

ในเมื่อพลังของกลุ่มคนเสื้อแดงปัจจุบันดูลดน้อยถอยลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งจากการทิ้งบ้านเก่าไปบ้านใหม่หรือเป็นฐานใหม่ให้กับขั้วฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันของ ส.ส. และอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทยไปอยู่ค่ายพลังประชารัฐ ยังไม่นับรวมอดีตแกนนำคนเสื้อแดงในระดับท้องถิ่นแปรพักตร์ไปหนุนรัฐบาล และฐานมวลชนรากหญ้า มีอีกจำนวนมากที่หันไปเชียร์ "บิ๊กตู่"

ขณะที่คนรุ่นใหม่หรือปัญญาชนส่วนหนึ่งหันไปเชียร์และเป็นแนวร่วมนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและพรรคอนาคตใหม่ที่แตกตัวเป็นคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน

ทำให้การเดินเข้าคุกของแกนนำในสำนวนแรกบุกบ้านป๋าเปรม แทบไม่มีเสียงหรือความเคลื่อนไหวใดๆจากแนวร่วมคนเสื้อแดงเลย

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายวิชาการ สถาบันรัฐศาสตร์ ม.รังสิต วิเคราะห์ว่า  นปช.และแนวทางการขับเคลื่อนกำลังกลายเป็นโอลด์นอร์มัลในทางการเมือง เพราะภาพการเคลื่อนไหวในอดีตมักเชื่อมโยงอยู่กับนายทักษิณเป็นหลัก ไม่ใช่ประโยชน์สุขของประชาชนเป็นสำคัญ

ขณะที่ "ตุ๊ดตู่" นายจตุพร พูดทำนองยอมรับความจริงและปลอบใจตัวเองว่า แกนนำนปช.ต้องโทษติกคุกแทบจะเกลี้ยงเวที ทำให้แทบไม่มีบนเวทีการเมือง เพราะไม่ว่าติดมากติดน้อย เมื่อพ้นโทษ ก็ต้องบวกโทษตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปีเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของชะตากรรม

คงจำกันได้ ก่อนหน้านี้ มีหลายคดีที่ตัดทอนจำนวนแกนนำ นปช. ทั้งโดนถูกศาลตัดสินจำคุก เช่น คดีบุกล้มงานประชุมผู้นำอาเซียนที่พัทยา แกนนำหลายคนโดน 4 ปี และมีอีกหลายคน หลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ เช่น นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายสุนัย จุลพงศธร ไปสหรัฐ นายจรัล นายวิสา คัญทัพ ไปอยู่ฝรั่งเศส นายจักรภพ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ไปอยู่กัมพูชา รวมถึงนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ "โกตี๋"นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ และอีกหลายคนไปเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ส.ป.ป.ลาว ก่อนจะมีข่าวถูกอุ้มหายอย่างไร้ร่องรอยจนถึงขณะนี้

เป็นสัญญาณและคำตอบที่อธิบายได้เด่นชัดถึงอนาคตที่ใกล้ถึงจุดสุดท้ายของ นปช. และคนเสื้อแดง

ไม่ซับซ้อนครับ แต่เป็นเรื่องยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เมื่อเกืดขึ้น ตั้งอยู่แล้ว ย่อมต้องดับไป