“วิษณุ” แจงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน คุมเข้ม "ทราเวล บับเบิล-เปิดเทอม-การเข้าออกชายแดน"
จากกรณี พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการ สมช. ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระบุว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก เห็นพ้องขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือนตลอดเดือน ก.ค.นี้ เพื่อรองรับการผ่อนคลายกิจการ กิจกรรมกลุ่มเสี่ยงในเฟส 5 เนื่องจากเป็นกิจกรรมล่อแหลมต่อการแพร่ระบาด โดยเฉพาะการเปิดเทอมในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยเตรียมเสนอ ศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้านั้น
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอผลการประชุม ศบค. ว่าจะให้ความเห็นชอบตามที่เสนอหรือไม่ เพราะจะต้องฟังความคิดเห็นจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานได้ระมัดระวังกันอยู่แล้ว ในเรื่องการคุมเข้ม สำหรับครั้งนี้คงคุมเข้มในเรื่องของการจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 สูง หรือ ทราเวล บับเบิล และในวันที่ 1 ก.ค.นี้ โรงเรียนต่างๆจะเปิดเทอม จึงต้องดูแลเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ ในส่วนของชายแดนก็น่าเป็นห่วง เนื่องจากยังมีการเดินทาง ข้ามไปมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาอยู่พอสมควร เมื่อถามว่า การขยายเวลาพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่ายค้านมองว่า มีนัยทางการเมือง นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไรก็เป็นอย่างแบบนี้กันทั่วโลก หลายกลุ่มก็มีการออกมาคัดค้าน เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ดีเป็นการเตือนสติให้รัฐบาลได้คิด
เมื่อถามว่า สมช.ระบุว่า ไม่เข้มงวดกับนักธุรกิจมากเท่ากับนักท่องเที่ยวทั่วไป นายวิษณุ กล่าวว่า ก็มีสองอย่างคือถ้าเข้ามาแล้วอยู่ยาว ก็ต้องกักตัว 14 วันก่อน กับถ้าอยู่สั้นแค่3-4 วัน ก็จะมีมาตรการอีกแบบหนึ่ง เช่น การใช้แอพพลิเคชั่นไทยชนะ และเข้าโรงแรมที่จะต้องจ่ายเงินเอง พร้อมกับมีตารางเวลาที่จะสามารถให้ติดตามตัวได้ และต้องชี้แจงด้วยว่าเข้ามาทำธุรกิจอะไร ไปไหนบ้าง ผ่านทางแอพพลิเคชั่นไทยชนะ ข้อสำคัญ คือ ด่านที่ตรวจสอบคือด่านแรกจากประเทศของเขา โดยการตรวจโรค ด่านที่สองคือตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย จากนั้น เข้าสู่ขั้นตอนการเลือกโรงแรมที่จะเข้าพักอาศัย โดยการจ่ายเงินเอง ด่านที่สี่จะต้องจัดทำตารางเวลา ที่จะระบุได้ว่าเดินทางไปไหนมาไหนบ้าง ด่านที่ห้าคือใช้แอพพลิเคชั่นไทยชนะ ในการให้ติดตามตัวได้ ด่านที่หกคือมีกำหนดเวลาที่แน่ชัด ซึ่งขณะนี้แจ้งความจำนงค์มาแล้วกว่า 20,000 คน