“หมอประกิต” เชื่อ “อนุทิน” ไม่หลงกลธุรกิจยาสูบ ระบุหากอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าขายได้จะเพิ่มปัญหาในการควบคุมมากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยถึงกรณีมีการเรียกร้องให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ตั้งกรรมการอิสระศึกษาบุหรี่ไฟฟ้า และให้ยกเลิกการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ว่า สหพันธ์องค์กรต่อต้านวัณโรคและโรคปอดนานาชาติ เป็นองค์กรวิชาการไม่แสวงหาผลกำไรที่น่าเชื่อถือระดับโลก ได้เผยแพร่รายงานการวิเคราะห์ผลดีผลเสียของบุหรี่ไฟฟ้าต่อการสาธารสุขในประเทศรายได้ต่ำและปานกลางเมื่อช่วงวันงดสูบบุหรี่โลกที่ผ่านมา โดยให้คำแนะนำว่านโยบายที่ดีที่สุดในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ที่ใช้ความร้อนแทนการเผาไหม้คือ การห้ามขายอย่างเด็ดขาด โดยชั่งน้ำหนักผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบต่อภาวะสุขภาพประชากรในภาพรวม
ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า รายงานของสหพันธ์ฯ ยังพบว่า เยาวชนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปใช้บุหรี่ธรรมดา บริษัทบุหรี่ไฟฟ้า จึงพุ่งเป้าการตลาดไปที่เยาวชนและการกดดันให้ประเทศต่างๆ เปิดให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจการควบคุมยาสูบ ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมบุหรี่ชนิดธรรมดาลดลง นโยบายการห้ามบุหรี่ไฟฟ้า จึงเป็นการยึดหลักการ “ปลอดภัยไว้ก่อน” เพื่อป้องกันการระบาดของประชากรที่ติดสิ่งเสพติดรุ่นใหม่ที่เสพติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า และบุหรี่ชนิดใหม่ ๆ ที่ใช้ความร้อนแทนการเผาไหม้ เพื่อรอการศึกษาผลกระทบระยะยาว รวมทั้งความพร้อมในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบชนิดใหม่ๆ ก่อนที่จะกำหนดนโยบายควบคุมที่เหมาะสมต่อไป
"ปัจจุบันการบังคับใช้กฎหมายควบคุมบุหรี่ธรรมดา ยังมีช่องว่างทำให้ไม่สามารถควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามพันธะข้อกำหนดของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก ที่ไทยเป็นรัฐภาคีทำให้อัตราการสูบบุหรี่ลดลงช้ามาก หากอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าขายได้จะเพิ่มปัญหาในการควบคุมมากยิ่งขึ้น จึงขอให้นายอนุทิน พิจารณาข้อเสนอของฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยาสูบอย่างรอบคอบ ไม่หลงกลของธุรกิจยาสูบ เพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมของประชาชนทั้งประเทศ" ศ.นพ.ประกิต กล่าว