เวอร์วังเป็นหนังไทยโบราณ กุแผนชิงตัว "บรรยิน"

2020-06-23 11:45:21

เวอร์วังเป็นหนังไทยโบราณ กุแผนชิงตัว "บรรยิน"

Advertisement

ไม่ว่าจะโหมกระพือข่าวกันอย่างไร แต่เรื่องเล่าที่อ้างว่ามาจากปากของนายโจ ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ และนายท็อป ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ เรื่อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหา 3 คดีสำคัญวางแผนหนีจากคุก ดูจะมีความผิดปกติตั้งแต่เต้น ยังไม่นับความเป็นไปได้จริง จากแผนปฏิบัติการที่พูดเป็นฉากๆ ยิ่งกว่าหนังไทยหรือหนังอินเดียสมัยก่อน


ตั้งแต่วางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน บนทางด่วน ระหว่างนำตัวไปศาลปราบโกงเพื่อตรวจพยานหลักฐาน หากไม่สำเร็จจะเปลี่ยนแผนไปใช้วิธีอุ้มลักพาตัวภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำ หวังกดดันให้ปล่อยตัว หรือหากไม่สำเร็จอีกก็จะใช้วิธีวางระเบิดในเรือนจำ ล้มเสาธงชาติเพื่อใช้พาดกำแพงคุกหนี และจะมีเฮลิคอปเตอร์ไปรับตัวช่วยหลบหนี


ในทางปฏิบัติ หากทำได้จริงก็ต้องยกให้เป็น "ตัวร้ายฮีโร่" ตัวจริงเสียงจริง ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะทำให้ภาพพจน์และศักยภาพของทั้งเรือนจำ กรมราชทัณฑ์ และตำรวจไทยย่อยยับป่นปี้ไม่มีชิ้นดี สะท้อนความหละหลวมเลินเล่อในมาตรการควบคุมและระมัดระวังเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

สื่อมวลชนแทบทุกแขนงและแทบทุกค่ายนำเสนอข่าวคราวนี้อย่างเป็นตุเป็นตะแทบจะเป็นก็อปปี้เดียวกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทางตำรวจกองปราบ ก็ขานรับขยายผลต่อ ถึงขั้นประชุมหารือเตรียมการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มแก่ พ.ต.ท.บรรยิน

จริงอยู่ พ.ต.ท.บรรยิน มีประวัติยาวเป็นหางว่าว โดยเฉพาะในเรื่องคดีความที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมและเล่นแร่แปรธาตุ ตั้งแต่ภรรรยาเก่าเสียชีวิตจากรถหักหลบรถบรรทุกไปพุ่งชนต้นไม้ ทั้งที่ญาติๆยืนยันว่าเธอขับรถไม่เป็น และมี พ.ต.ท.บรรยิน ขณะรับราชการตำรวจนั่งคู่มาด้วย คดีการเสียชีวิตของ "เสี่ยจืด" ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ที่อ้างว่าเป็นเพื่อนซี้และวิธีการตายก็คล้ายกับกรณีของภรรยาเก่า


ยังมีคดีปลอมแปลงเอกสาร เล่นแร่แปรธาตุโอนหุ้นนายชูวงษ์มูลค่าหลายร้อยล้านให้โบรกเกอร์สาวและพริตตี้สาวคนสนิท และคดีหลังสุด อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ก่อนลงมือสังหารและเผานั่งยางหวังทำลายหลักฐาน แต่ถูกรวบตัวได้ในที่สุด

ปฏิเสธไม่ได้ว่า พฤติการณ์เหล่านี้ ผิดมนุษย์มนา เหี้ยมโหด อำมหิต คิดแต่ในแง่ร้าย หวังให้ตนบรรลุเป้าประสงค์ โดยไม่อีนังขังขอบกับชีวิตหรือทรัพย์สินของคนอื่น แต่การต้องคุมขังรอชดใช้กรรมที่ก่อในคุก ก็สมควรจะได้คิด แยกแยะเรื่องดีเรื่องชั่ว รู้จักบาปบุญคุณโทษ พอจะสำนึกผิดได้บ้าง

หรือตรงกันข้าม กลับยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณโหดภายในให้ยิ่งคุกรุ่นมากขึ้น ยิ่งฟังจากคำแถลงล่าสุดของเจ้าตัวที่ยืนยันถูกใส่กุญแจมือ ขังเดี่ยว โดนทารุณกรรมเยี่ยงสัตว์ ยิ่งน่าเป็นห่วง และสะท้อนความเคียดแค้นที่ดูยังจะคุกรุ่นอยู่ภายใน

แต่การจะแก้แค้น วางแผนหลบหนี ดึงทนายความรวมถึงอดีต ส.ส. ที่เป็นลูกน้องเก่ามาร่วมในแผนปฏิบัติการแบบที่เคยพบเห็นในหนังด้วยนั้น แม้อาจมีความเป็นไปได้ แต่ในฐานะนายตำรวจเก่า ก็น่าจะรู้ดีในระดับหนึ่งว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ ไม่เฉพาะแค่ชิงตัวผู้ต้องหาหน้าศาลหรือบนทางด่วนเท่านั้น แต่การจะลอบนำระเบิดเข้าเรือนจำเพื่อล้มเสาธงชาติ หรือจะว่าจ้างเฮลิคอปเตอร์มารับตัวหลังปฏิบัติการเพื่อพาหลบหนี ไม่มีทางเป็นไปได้เลย

ทำให้ต้องย้อนกลับไปที่คนเปิดปากเล่าเรื่องแผนลับที่ว่านี้ ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่า เคยมีการพูดเรื่องแหกคุกที่ว่าจริง แต่อาจในบริบทคุ้ยฟุ้งเป็นคุ้งเป็นแควของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ต้อง "วางก้าม" ต่อผู้ต้องหาคนอื่นๆเพื่อให้เกิดการยอมรับ ส่วนที่นอกเหนือจากนั้น เป็นการใส่สีตีข่าวขยายเรื่องเองของนายโจ

ก่อนจะลุกลามเป็นข่าวใหญ่บนหน้าสื่อ เนื่องจากมีเรื่องคนดังอย่าง พ.ต.ท.บรรยินมาเกี่ยวข้อง และเปิดประเด็นออกมาในช่วงจังหวะเวลาการเมืองแบบ "นิว นอร์มัล" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึง แต่นักการเมืองล้วนแต่ระดับ "บิ๊ก" บางกลุ่ม กำลังทำในสิ่งที่สวนทาง จนประชาชนไม่พอใจและสะท้อนผ่านผลโพลถึงความรู้สึก ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจกำลังถดถอยจากโควิด 19

ฟังดูและจับทิศทางแล้ว งงๆพิลึกพิลั่นไม่ธรรมดาอยู่นะครับ