เผยเส้นทางชีวิต"บรรยิน"จากเก้าอี้ รมต.สู่แผนแหกคุก

2020-06-22 12:40:28

เผยเส้นทางชีวิต"บรรยิน"จากเก้าอี้ รมต.สู่แผนแหกคุก

Advertisement

เปิดเส้นทางชีวิต "บรรยิน" จากเคยรุ่งเก้าอี้รัฐมนตรี กลับพลิกผันกลายเป็นนักโทษคดีจ้างวานฆ่า

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. กลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อตำรวจกองปราบปราม สืบทราบแผนการของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาคดีปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ก่อนที่จะกลายเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา โดยเตรียมหลบหนีออกจากเรือนจำด้วยการจ้างคนให้ลอบวางบางระเบิดกำแพงเรือนจำ พร้อมกับล้มเสาธงชาติให้ไปพาดที่กำแพงก่อนปีนหนีออกจากเรือนจำแล้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่มารอรับ โดยหากแผนแรกไม่สำเร็จจะมีการอุ้มตัวภรรยาผู้บัญชาการเรือนจำ เป็นตัวประกัน เพื่อใช้ต่อรองในการหลบหนีออกจากเรือนจำ แต่เมื่อแผนแตก มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.บรรยิน แขวนคอหวังฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด แต่เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถช่วยเอาไว้ได้

สำหรับเส้นทางชีวิตของ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2506 ที่ จ.นครสวรรค์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ต่อมาสำเร็จการศึกษระดับปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร มีบุตรชาย 1 คน และบุตรสาว 1 คน




พ.ต.ท.บรรยิน เคยรับราชการตำรวจ ก่อนลาออกจากราชการในปี พ.ศ.2543 ขณะดำรงตำแหน่ง สวป.สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อไปลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครสวรรค์ พรรคไทยรักไทย ซึ่งอยู่ในกลุ่มวังน้ำยมของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อปี พ.ศ.2544 และ พ.ศ.2548 จนเมื่อ พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ จึงย้ายมาสังกัดไปพรรคมัชฌิมาธิปไตย และในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2550 เคยลงสมัคร ส.ส.แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2 จังหวัดอุตรดิตถ์, จังหวัดพิษณุโลก, จังหวัดพิจิตร, จังหวัดนครสวรรค์, จังหวัดอุทัยธานี, จังหวัดลพบุรี, จังหวัดเพชรบูรณ์, จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดขอนแก่น ในสังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก่อนได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.แบบสัดส่วน

จากนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต่อมา พ.ต.ท. บรรยิน ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นระยะเวลา 5 ปี เนื่องจากการพรรคมัชฌิมาธิปไตย ถูกยุบ ซึ่งขณะนั้น พ.ต.ท.บรรยิน ดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค นอกจากนี้ยังเคยเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ.2553 และในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ.2557 พ.ต.ท.บรรยิน ได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ในลำดับที่ 32



ต่อมา พ.ต.ท.บรรยิน ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1, กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร, กรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร, กรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

จากนั้นในเดือนสิงหาคม 2558 พ.ต.ท.บรรยิน ถูกจับกุมตัวในฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้จากกรณีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง จากนั้นวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2559 คณะกรรมการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มีคำสั่งอายัดทรัพย์ นายบรรยิน เป็นเวลา 90 วัน ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้ลงโทษจำคุก พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกรวม 3 คน คนละ 8 ปี

นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่าพี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าของสำนวนหุ้นของนายชูวงษ์ ท้ายที่สุด พ.ต.ท.บรรยิน ถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับพวก 5 คน โดยศาลศาลนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 22 มิ.ย. และวันที่ 25 มิ.ย.ที่จะถึงนี้