โควิดโลกทะลุ9ล้านราย แจงแรงงานเมียนเคยกักที่สะเดา

2020-06-21 22:30:44

โควิดโลกทะลุ9ล้านราย แจงแรงงานเมียนเคยกักที่สะเดา

Advertisement




สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 วันที่ 21 มิ.ย.63 พบ 1 ราย เป็นเด็กชายวัย 6 ขวบ เดินทางจากประเทศแอฟริกาใต้ถึงไทยวันที่ 15 มิ.ย.63 พร้อมกับมารดา เข้าพักในสถานที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ ( State Quarantine ) ตรวจพบเชื้อไม่มีอาการ วันที่ 19 มิ.ย.63 ส่วนมารดา ตรวจวันเดียวกันไม่พบเชื้อ


จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้นวันนี้ 3,148 ราย รักษาหายกลับบ้าน 3,018 ราย ที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล 72 ราย






ไม่พบการติดเชื้อจากภายในประเทศต่อเนื่องเป็นวันที่ 27 แล้ว




นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ขยายความเกี่ยวกับการตรวจพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นเด็กในวันนี้ว่า แม้ไม่มีอาการ ก็นำเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลทันที ส่วนมารดาที่ไม่พบเชื้อ ก็ต้องกักตัวให้ครบ 14วัน รอการตรวจครั้งที่ 2 เพื่อความมั่นใจว่าปลอดเชื้อจริง



คุณหมอชี้แจงเกี่ยวกับเด็กคนนี้ ทำให้เห็นว่า การติดเชื้อในเด็กอาจไม่แสดงอาการ และเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดการแพร่เชื้อในครอบครัว เพราะการเว้นระยะห่างระหว่างเด็กเป็นเรื่องยาก จึงแนะนำคนในครอบครัว ให้เลี่ยงการแสดงความรักด้วยการกอด จูบ ยิ่งในครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว กลุ่มผู้ป่วยจะมีอาการรุนแรงและอัตราการเสียชีวิตสูง


ในขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องทุกประเทศ ประชาชนทุกคน ต้องระวัง ป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง เพราะพบรายงานของหลายประเทศ เกิดการระบาดระลอกที่ 2 แล้ว มีผู้ติดรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า1.5 แสนต่อวัน หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ


รายงานของวันที่ 21 มิ.ย.63 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ ทั่วโลก เพิ่มถึง 158,113 ราย จำนวนสะสมขึ้นไปถึง 8,915,863 และมีความเป็นไปได้ที่จะทะลุ 9 ล้านราย ในวันที่ 22 มิ.ย. โดยนับตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย.63 อัตราเพิ่มแต่ละวันจะใกล้ถึง 1.5แสนราย วันที่ 20มิ.ย.63 ขึ้นไปถึง 179,698






ลำดับการติดเชื้อโควิด-19 ของโลก ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นที่ 1 มีรายใหม่ 33,388 ราย ยอดสะสม 2,330,578 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 573 ราย รวม 121,980 ราย ที่ 2 บราซิล ติดเชื้อเพิ่ม 31,571 ราย สะสม 1,070,139 ราย จำนวนเสียชีวิต วันนี้ถึง 968 รวม 50,058 ซึ่งเป็นอัตราเสียชีวิตสูงกว่าประเทศอื่น





อินเดีย ประเทศในเอเชีย ที่ติดอันดับ 4 หลายวันแล้ว มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 15,915 ราย ยอดสะสม 411,727 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 307 ราย รวมเสียชีวิต13,277 ราย


ทางด้านสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ระบุว่า ในอาเซียนก็มีการติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอินโดนีเซีย เพิ่ม 1,226 ราย และฟิลิปปินส์ก็มีรายใหม่อีก 941 ราย


ส่วนที่มีรายงานจากประเทศเมียนมา พบแรงงานชาวเมียนมาและมาเลเซียที่ข้ามแดนจากด่าน จ.ตากและ จ.ระนอง ประเทศไทย รวม 23 คน ติดเชื้อโควิด-19 นั้น นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า กำลังประสานข้อมูลกับประเทศเมียนมาเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม ในเบื้องต้นแรงงานเมียนมาดังกล่าว มีทั้งที่เดินทางจากประเทศไทยและมาเลเซีย คาดว่าอาจเป็นกลุ่มที่เคยถูกทางการไทยกักอยู่ที่ศูนย์กักตัว อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 42 คนตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.63 และตรวจพบเชื้อ รายงานเป็นผู้ป่วยซึ่งรักษาหายแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาล ตั้งแต่กลางเดือน พ.ค.63 ส่งตัวกลับเมียนมา วันที่ 4 มิ.ย.63


ทั้งนี้ ทางการไทยพบผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างด้าว 23 ราย เป็นชาวเมียนมา 19 ราย กัมพูชา 2 ราย ลาว 2 ราย ไม่พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในชุมชน การตรวจหาเชื้อเพื่อการเฝ้าระวังในกลุ่มแรงงานต่างด้าวจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.63 11,027 คน ก็ไม่พบการติดเชื้อ


คุณหมอย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจกับระบบป้องกัน ควบคุมโรคของไทย ที่มีความเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยการคัดกรองจุดผ่านเข้าออกพรมแดนประเทศ การเฝ้าระวังกลุ่มแรงงานที่จะเดินทางกลับรวมถึงกลุ่มประชากรเสี่ยง โดยกลุ่มผู้ต้องกักแรกรับและแรงงานต่างด้าวรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย





หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422



ทั้งนี้ แม้จะไม่พบการติดเชื้อจากภายในประเทศเกือบจะครบ 4 สัปดาห์แล้ว แต่ ด้วยการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ให้กิจการกิจกรรม เปิดดำเนินการได้ถึง 95%แล้ว จึงเป็นที่กังวลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปที่เกรงจะมีผู้ประกอบการหรือผู้ใช้บริการบางกิจการขาดความระมัดระวังในการป้องกันการติดเชื้อ ทำให้ปัญหาหวนกลับมา ประกอบกับข้อมูลจากทั่วโลก รวมถึงในย่านอาเซียน ใกล้เคียงประเทศไทย มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลังการคลายล็อก ทางศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง จึงคอยติดตามการใช้บริการของกิจการต่าง ๆ ที่ให้มีการเช็กอิน เช็กเอาต์ ผ่านแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์ม ไทยชนะ


การตรวจสอบล่าสุดพบว่า กิจการที่ใช้แอปฯไทยชนะมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ขนส่งสาธารณะ โรงภาพยนตร์ ส่วนกลุ่มที่ใช้น้อยที่สุด 5 อันดับ มี สถานลีลาศ สถานดูแลเด็ก ผู้สูงอายุ กีฬาทางน้ำ สถานศึกษา สวนสาธารณะ



ข้อมูลที่สะท้อนความร่วมมือมากน้อยเหล่านี้ คงถูกกระตุ้นเตือนให้มีการปรับปรุง จะได้อยู่กันนาน ๆ และปลอดภัย