ตร.ประชุมร่วมบริษัทขนส่งภาคเอกชน หามาตรการคุมเข้มป้องกันลักลอบขนส่งยาเสพติด
เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองโฆษกกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยสภาวการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในปัจจุบัน ว่า การค้ายาเสพติดมีการปรับเปลี่ยนวิธีการลักลอบขนยาเสพติด โดยใช้รูปแบบการขนส่งผ่านทางผู้ประกอบการรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์มากขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวน และสามารถจับกุมผู้ที่ลักลอบขนส่งยาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผลการจับกุมสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดพัสดุภัณฑ์และไปรษณีย์ได้มากถึง 267 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 200 กว่าคน ทั้งนี้เป็นยาบ้าจำนวน 1,700,000 เม็ด โดยเฉพาะช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่าการกระทำความผิดในรูปแบบดังกล่าว มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
รองโฆษกกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวอีกว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีผลการจับกุมสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดพัสดุภัณฑ์และไปรษณีย์ได้มากถึง 267 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 200 คน ส่วนของกลางที่ตรวจเป็นยาบ้าจำนวน 1,700,000 เม็ด ที่น่าเป็นห่วงคือในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ พบว่ามีผู้ลักลอบกระทำความผิดในรูปแบบดังกล่าวขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
พ.ต.อ.ธีรเดช กล่าวต่อว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นจึงมีการประชุมร่วมกันระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กับผู้บริหารของสถานประกอบการที่ให้บริการด้านไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์และระบบขนส่ง ซึ่งเป็นภาคเอกชน 16 แห่ง รวมทั้งผู้แทนภาครัฐที่เกี่ยวข้องอีก 13 หน่วยงาน เพื่อป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดโดยใช้การบริการขนส่งเป็นเครื่องมือ เพื่อให้สามารถสืบสวนขยายผลติดตามจับกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ ซึ่งจะทำให้การป้องกันและปราบปรามยาการลักลอบจำหน่ายเสพติดมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น