"หนุมาน"ค้น 31 เป้าหมายบุกทลาย"แก๊งบันไรกัน"

2020-06-18 12:40:24

"หนุมาน"ค้น 31 เป้าหมายบุกทลาย"แก๊งบันไรกัน"

Advertisement

"ชุดหนุมาน" ลุยตรวจค้น 31 เป้าหมาย ทลาย "แก๊งบันไรกัน" ลอบค้าปืนเถื่อนทางออนไลน์

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม สั่งการให้ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.อรุน วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. และ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 31 จุด ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี, โคราช, สระแก้ว, ตาก, ชลบุรี, ราชบุรี, พระนครศรีอยุธยา, นนทบุรี, ปทุมธานี และ กทม. เพื่อจับกุมตัวผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนผ่านสื่อออนไลน์

ด้าน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยผลการตรวจค้นจับกุม ว่า เจ้าหน้าที่สามารถบุกทลาย "แก๊งบันไรกัน" ซึ่งเป็นขบวนการค้าอาวุธปืนเถื่อนทางออไลน์ได้ โดยสามารถจับกุม นายปริญญา เอี่ยมละมัย หัวหน้าแก๊ง พร้อมพวกรวม 9 คน และจับกุมผู้ซื้ออาวุธปืนเถื่อนได้อีก 5 คน รวมผู้ต้องหา 14 คน พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 11 กระบอก ลูกกระสุน 600 นัด สิ่งเที่ยมอาวุธปืน อุปกรณ์ส่วนควบกว่า 30 รายการ บัญชีธนาคาร และทรัพย์สินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 100 รายการ




รองผู้บังคับการปราบปราม กล่าวเพิ่มเติมว่า พฤติการณ์ของคนร้าย คือ มีการสร้างช่อง Youtube มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อสาธิตการใช้อาวุธปืน และโฆษณาขายอาวุธปืนผ่านทาง youtube ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 16,000 คน และมียอดรับชมกว่า 2 แสนครั้ง จากนั้นจะชักชวนให้ประชาชนที่รับชมคลิปเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มไลน์ของผู้ต้องหาที่มีสมาชิกมากกว่า 2,000 คน โดยในกลุ่มดังกล่าวจะมีการติดต่อซื้อขายอาวุธปืนและอาวุธสงคราม ส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ที่ดัดแปลงมาจากปืนบีบีกัน และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ประเภทหักลำกล้อง จำหน่ายในราคากระบอกละกว่าหมื่นบาท ซึ่งถูกกว่าราคาปืนที่ถูกกฎหมาย ซึ่งขายอยู่ที่ 40,000-50,000 บาทต่อกระบอก

พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มไลน์ดังกล่าวมีนายปริญญา เป็นแอดมินซึ่งทำหน้าที่พูดคุยกับลูกค้าและรับออเดอร์ ก่อนที่จะสั่งผลิตอาวุธปืนตามความต้องการของลูกค้า โดยมีกลุ่มที่รับผลิตปืน, กลุ่มจัดส่งอาวุธปืนผ่านทางบริษัทขนส่ง และกลุ่มดูแลบัญชีรับโอนเงิน รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆ ในลักษณะเป็นขบวนการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน หลังจับกุมเหจ้าที่จึงแจ้งข้อหาอั่งยี่ซ่องโจรและความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยหลังจากนี้จะเชิญคนที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำ ซึ่งเบื้องต้นพบว่ารายชื่อที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องปรากฎอยู่ในไลน์ของผู้ต้องหาอีก 14 คน นอกจากนี้จะเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อขยายผลกับจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีต่อไป