"อีเอสไอ"จ่อฟัน 7 ดารามีเอี่ยวดคีแชร์ Forex-3D

2020-06-12 14:15:55

"อีเอสไอ"จ่อฟัน 7 ดารามีเอี่ยวดคีแชร์ Forex-3D

Advertisement

ดีเอสไอ ส่งสำนวนแชร์ Forex-3D ให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง พบศิลปินดารามีเอี่ยวเพิ่ม 7 ราย

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำสำนวนคดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D จำนวน 434 แฟ้ม 74 ลัง หรือเอกสารกว่า 196,444 แผ่นไปส่งให้อัยการคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้องนายอภิรักษ์ โกฎธิ กับพวก ว่า คดีนี้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานนานกว่า 7 เดือน โดยสอบปากคำผู้เสียหายกว่า 8,000 คนจากผู้เสียหายลงทะเบียนออนไลน์กว่า 14,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1,900 ล้านบาท และยึดทรัพย์ผู้ต้องหาได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท

นายไตรยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานสามารถสรุปสำนวนฟ้องนายอภิรักษ์ กับทีมงานที่ใกล้ชิด และบริษัทนิติบุคคลอีก 2 บริษัทในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยในส่วนของนายอภิรักษ์ ดีเอสไอ ได้ออกหมายจับและตั้งทีมเฉพาะกิจไล่ล่าแล้ว ล่าสุดได้ทราบข้อมูลว่านายอภิรักษ์ หลบหนีเข้ามาในประเทศผ่านช่องทางชายแดนธรรมชาติ แต่เมื่อตรวจสอบยังไม่พบข้อมูล ซึ่งจะประสานความร่วมมือระหว่างประเทศในการติดตามตัวต่อไป




รักษาราชการแทนอธิบดี ดีเอสไอ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับทรัพย์สินในคดีนี้จะแยกสำนวนส่งฟ้องในข้อหาฟอกเงิน โดยคาดว่าจะมีผู้เกี่ยวข้องถูกออกหมายจับไม่น้อยกว่า 20 คน โดยเฉพาะครอบครัวของนายอภิรักษ์ ที่มีแนวโน้มว่าจะถูกออกหมายจับค่อนข้างสูง แต่ต้องพิจารณาพฤติกรรมเป็นรายบุคคล เช่นเดียวกับศิลปินดาราที่มีชื่อเสียงที่มีข่าวไปก่อนหน้านี้ว่าเกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่ ก็จะให้โอกาสในการชี้แจงและพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สิน

นายไตรยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า จากเส้นทางทรัพย์สินเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มศิลปินดารารายใหม่ที่ไม่เคยปรากฎเป็นข่าวมาก่อนหน้าอีกประมาณ 7 คน ซึ่งมีพฤติกรรรมในลักษณะรับทรัพย์สินจากบริษัทในแชร์ลูกโซ่ ไม่ว่าจะเป็นการรับโดยเสน่หา การรับจ้างโดยสุจริต หรือเป็นการรับจ้างเพื่อหวังผลประโยชน์ รวมทั้งมีการโน้มน้าวให้ประชาชนมาลงทุน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอเอกสารจากธนาคารหลายแห่ง แต่ยืนยันว่าจะเร่งสรุปให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนี้ ขณะเดียวกัน ปปง.ได้ดำเนินการยึดทรัพย์คดีนี้ไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการในคดีแพ่ง เพื่อยึดคืนทรัพย์สินบางส่วนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7 ปี