ผลการสำรวจค่าครองชีพ สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ทั่วโลก ประจำปี พ.ศ. 2563 โดยบริษัทเมอร์เซอร์ ปรากฏว่า เขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน มีค่าใช้จ่ายสูงสุด ขณะที่เมืองหลวงเติร์กเมนิสถาน สร้างเซอร์ไพรส์ พุ่งขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ในปีนี้
การจัดอันดับค่าครองชีพ Cost of Living Survey ในเมืองต่างๆ 209 เมืองทั่วโลก โดยบริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรมนุษย์ “เมอร์เซอร์” แห่งสหรัฐอเมริกา ปีล่าสุดฮ่องกงมีค่าใช้จ่ายแพงที่สุด สำหรับการอยู่อาศัยใช้ชีวิตของชาวต่างชาติ ตามด้วยกรุงอาชกาบัต เมืองหลวงเติร์กเมนิสถาน ในภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งพุ่งขึ้น 5 อันดับจากปีที่แล้ว เนื่องจากวิกฤติเศรษฐกิจ ภาวะขาดแคลนอาหาร และเงินเฟ้อสูง
อันดับ 3 ในปีนี้คือ กรุงโตเกียว เมืองหลวงญี่ปุ่น อันดับ 4 เมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 5 ประเทศสิงคโปร์
6 ใน 10 อันดับแรกอยู่ในเอเชีย โดยจีนติดอันดับ 2 เมืองและ 1 เขตปกครอง ส่วนภูมิภาคยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ครองแชมป์ ติด 10 อันดับแรกถึง 3 เมือง
การจัดอันดับของเมอร์เซอร์ พิจารณาจากปัจจัยรอบด้าน รวมถึง ความผันผวนของสกุลเงิน อัตราเงินเฟ้อสำหรับสินค้าและบริการ ค่าที่พักและค่าเดินทาง เป็นต้น การจัดอันดับมีเป้าหมายเพื่อช่วยรัฐบาลหรือบริษัทเอกชน พิจารณาอัตราเงินเดือนหรือเบี้ยเลี้ยง ที่จะจ่ายให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงาน ที่ส่งไปประจำการในประเทศต่างๆ
การจัดอันดับปีนี้ รวบรวมข้อมูลในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้นอันดับจึงไม่สะท้อนผลกระทบอย่างเต็มที่ จากการระบาดของไวรัสโควิด-19
10 อันดับเมืองหรือดินแดนที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก สำหรับชาวต่างชาติ ประจำปี พ.ศ. 2563 มีดังนี้
1. ฮ่องกง (จีน)
2. กรุงอาชกาบัน (เติร์กเมนิสถาน)
3. กรุงโตเกียว (ญี่ปุ่น)
4. เมืองซูริค (สวิตเซอร์แลนด์)
5. ประเทศสิงคโปร์
6. นครนิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา)
7. นครเซี่ยงไฮ้ (จีน)
8. กรุงเบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์
9. นครเจนีวา (สวิตเซอร์แลนด์)
10. กรุงปักกิ่ง (จีน).