"รังสิมันต์" ตั้งกระทู้ถามกรณี "วันเฉลิม" ถุูกอุ้ม จี้ตอบคดีอุ้มหายอีก 9 ราย โดยเจอศพ 2 รายส่วนอีก 7 รายไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดกรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรม ซึ่งลี้ภัยไปอยู่ประเทศกัมพูชาหและถูกอุ้มตัวไปตามที่เป็นข่าว
นายรังสิมันต์ ระบุว่า สิ่งที่ทำให้สังคมเคลือบแคลงว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวกับการเมืองไทย คือการที่นายวันเฉลิมเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยทางการเมืองภายหลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ถูกแจ้งความและออกหมายจับในคดีไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช. และคดีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ดูแลเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” โพสต์ข้อความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อปี 2561 ซึ่งแม้จะเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง แต่ก็เป็นคนไทยคนหนึ่ง มีสิทธิในชีวิตและร่างกายที่ถูกรับรองโดยรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไทยมีหน้าที่ต้องคุ้มครองไม่ว่าจะเป็นผู้ลี้ภัยหรือไม่ ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในหรือนอกประเทศ ไม่ว่าพวกเขาจะรักหรือชังรัฐบาลก็ตาม หากแต่ปฏิกิริยาแรกจากทางการไทย คือ ตีมึน ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่รู้จัก ไม่มีอำนาจ ฟังแล้วไม่สัมผัสได้ถึงความกระตือรือร้นใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนลาแก่ที่นอนแน่นิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว ต้องรอให้เอาแส้มาฟาด เอาน้ำร้อนมาสาด ให้สังคมต้องมากดดันถึงได้สะดุ้งลุกขึ้นมาวิ่งเต้นประสานงานกับทางการกัมพูชา
"ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ชุดแรกมาจนถึงชุดปัจจุบัน มีกรณีการอุ้มหายหรือการบังคับให้หายสาบสูญเกิดขึ้นอย่างน้อย 9 ราย ทั้งผู้ลี้ภัยทางการเมืองและชาวบ้านผู้เรียกร้องสิทธิ ไม่มีรายไหนสามารถติดตามเอาคนร้ายมาลงโทษได้ ไม่มีรายไหนที่หาตัวเหยื่อจนพบตัวเป็นๆ ต้องรอให้ธรรมชาตินำพาอย่างกรณี 2 ศพถูกคว้านท้องยัดแท่งปูนริมแม่น้ำโขง โลกถึงได้รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องประสบชะตากรรมที่โหดร้ายเพียงใด หากผมเป็นรัฐบาลผมคงรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งกับความหย่อนยานในการทำหน้าที่ตัวเอง ดังนั้น คำถามคือ เหตุใดเราจึงยังไม่รู้เสียทีว่าผู้ก่อเหตุในแต่ละคดีเป็นใคร ชะตากรรมของผู้ถูกอุ้มหายอีก 7 คนนั้นเป็นตายร้ายดีเช่นไร และกรณีคุณวันเฉลิม รัฐบาลจะมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม มีกระบวนการขั้นตอนที่ชัดเจนอย่างไรให้มั่นใจคดีนี้จะไม่ซ้ำรอยกับที่ผ่านมา และจะมีมาตรการรูปธรรมอะไรที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีกในอนาคต" นายรังสิมันต์ กล่าว
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ได้ลุกขึ้นตอบแต่ละคำถามของนายรังสิมันต์ โดยระบุว่า กรณีของคุณวันเฉลิมไม่เคยขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรม อย่างไรก็ตามที่คิดว่าน่าสนใจคือในการป้องกันและแก้ไขได้มีการนำนำร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ความคืบหน้าในคดีต่างๆ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใย จึงออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับกรณีกระทำทรมาน และทำให้สูญหาย ให้ รมว.ยุติธรรม ซึ่งก็คือตนเป็นประธานและได้ตั้งอนุกรรมการ ดำเนินการเรื่องนี้อีก 2 ชุด มีคดีเกี่ยวกับเรื่องการสูญหาย 87 ราย ได้เนินการเรียบร้อยแล้ว 75 ราย
ขณะคำถามที่สอง นายสมศักดิ์ ได้เริ่มต้นโดยการอ่านรายชื่อบุคคลสูญหาย 8 ราย ที่ระบุว่าอยู่ระหว่างติดตามของดีเอสไอ ถ้าอยากทราบรายละเอียดพร้อมส่งให้ และระบุด้วยว่า การติดตามบุคคลอุ้มหายในต่างประเทศ เป็นกรณีไม่ปกติ ไม่สามารถสืบสวนสอบสวนบนอธิปไตยประเทศอื่น ต้องประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ด้าน กระทรวงยุติธรรมตอบได้เพียงเท่านี้
ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า เป็น รมว.ต่างประเทศมา 6 ปี ไม่เคยเห็นชื่อนายวันเฉลิมจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อาจเพราะเป็นชื่อที่ไม่มีความสำคัญมากนักในแง่การต่างประเทศหรือความมั่นคง กรณีที่เกิดขึ้นกำลังรอฟังคำตอบจากรัฐบาลกัมพูชา ทราบว่ากัมพูชากำลังจะเข้าไปตรวจสอบในวันที่ 10 มิ.ย. ดังนั้น ต้องให้เวลากัมพูชาตรวจสอบก่อน ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมดูแลคนไทยในต่างประเทศทุกคน แต่ที่ผ่านมาคนไทยในต่างแดนมักไม่แสดงตัว จนกระทั่งเกิดปัญหาความเดือดร้อนจึงมาแสดงตนต่อสถานทูต ยิ่งคนที่ไปอยู่ต่างประเทศเพราะมีปัญหายิ่งไม่อยากแสดงตัว ซึ่งกรณีของนายวันเฉลิมก็น่าจะอยู่ในข่ายนี้ อีกทั้งตามบันทึกของกระทรวงต่างประเทศนั้น นายวันเฉลิมไม่อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัย รวมถึงในบัญชีของยูเอ็นเอชซีอาร์ก็ไม่มีชื่อนายวันเฉลิมอยู่ในบัญชีผู้ลี้ภัยทางการเมือง ข่าวที่ออกมาเป็นการปล่อยข่าวเพื่อให้คนสนใจว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่มีการให้เบาะแสข้อมูลคดีนี้ตามทวิตเตอร์หรือเพจต่างๆ นั้น ท่านน่าจะทราบดีว่าเทรนด์ทวิตเตอร์นั้นสามารถปั่นกระแสกันได้ง่าย ซึ่งการปั่นกระแสตามโซเชียลจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ ดังนั้น ควรรอฟังคำชี้แจงจากกัมพูชาจะดีกว่า