พล.อ.ประวิตร เผย พ.ต.อ.รับสารภาพพา “ยิ่งลักษณ์”หนี โดยมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งการอีกที เบื้องต้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน ด้าน “ศรีวราห์” ยันตำรวจ 3 นาย เกี่ยวข้องพาอดีตนายกฯหลบหนีทาง จ.สระแก้ว
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมกล่าวถึง กรณีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้นำตัวนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ระดับรองผู้บังคับการนายหนึ่ง และตำรวจอีก 2 นาย พร้อมด้วยรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีบอร์น หมายเลขทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร โดยสามารถตรวจยึดได้จาก จ.นครปฐม มาทำการตรวจสอบและสอบปากคำ ว่า เบื้องต้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้รายงานมาว่า ตำรวจระดับรองผู้บังคับการได้รับสารภาพแล้วว่าเป็นผู้พา น.ส.ยิ่งลักษณ์หนี แต่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ตำแหน่งสูงกว่าเป็นผู้สั่งการอีกที ซึ่งเบื้องต้นจะมีคำสั่งให้รองผู้บังคับการคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนในความผิดเรื่องปลอมแปลงรถยนต์ ส่วนความผิดเรื่องการพาผู้ต้องหาหลบหนีต้องตั้งกรรมการสอบต่อไป
"มีรถ 2 คันพาคุณยิ่งลักษณ์หลบหนี คือ รถเบนซ์ไปส่งย่านมีนบุรี แล้วรถคัมรี่มารับไปส่งที่ชายแดน ซึ่งรองผู้บังคับการ ยอมรับว่า มีคุณยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ 1 คน นั่งรถตัมรี่ไปด้วย แต่ตอนนี้เรายังไม่เจอรถอีก 1 คัน อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเดินทางออกนอกประเทศทางช่องไหน เพราะมีหลายช่องด้วยกัน ตามช่องของบ่อน" พล.อ.ประวิตร กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า พบความเชื่อมโยงระหว่างตำรวจ 3 นาย ในสังกัดกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กับการพาตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนี โดยตำรวจทั้ง 3 นาย ให้การว่าเป็นผู้ขับรถ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั่งอยู่ในรถมุ่งหน้าไป จ.สระแก้ว ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผย เนื่องจาก ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนตำรวจทั้ง 3 นาย ยังไม่ถือว่ามีความผิดข้อกฎหมายอาญาใด ที่จะดำเนินคดีได้ทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวได้ แต่ในส่วนของการสอบสวนทางวินัย ต้องขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้ง 3 นาย จะพิจารณาตามความเหมาะสม
ส่วนประเด็นรถยนต์โตโยต้าคัมรี่สีบอร์น ทะเบียน ฌข. 5323 กรุงเทพมหานคร ที่ยึดได้จากจ.นครปฐมนั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ทราบชื่อเจ้าของแล้ว และพบว่า ไม่ได้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งถูกระงับการใช้งานจากกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากขาดส่งไฟแนนซ์ ส่วนกรณีที่พบว่า เลขคัทซีรถยนต์กับหมายเลขเครื่องไม่ตรงกัน รวมทั้ง พบแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลขอื่นอยู่ในรถด้วยนั้น ได้มอบหมายให้ตำรวจไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ปทุมวัน ไว้เป็นหลักฐานแล้ว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยืนยันด้วยว่า รองนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ รวมทั้งให้ขยายผลว่า ยังมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องในคดีนี้อีกหรือไม่