ชี้ล็อกดาวน์ช่วยยุโรปรอดตาย3.1ล้านคน

2020-06-09 12:05:45

ชี้ล็อกดาวน์ช่วยยุโรปรอดตาย3.1ล้านคน

Advertisement

ผลการศึกษาวิจัย โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ในอังกฤษ พบว่า มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน 11 ประเทศของทวีปยุโรป สามารถลดการเสียชีวิตของประชาชนได้มากกว่า 3.1 ล้านคน

รายงานผลการศึกษา ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ทางออนไลน์ โดยวารสารเนเจอร์ บ่งชี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงการจำกัดความเคลื่อนไหว ให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน นับว่าเพียงพอต่อการควบคุม การเติบโตของการระบาดของไวรัสโควิด-19

ทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ใช้ข้อมูลการเสียชีวิต เพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลง ในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 อันเป็นผลจากมาตรการที่ไม่ใช้ยา (non-pharmaceutical interventions) โดยทำการวิเคราะห์ข้อมูล จาก 11 ประเทศในยุโรป ประกอบด้วย ออสเตรีย, เบลเยียม, อังกฤษ, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, นอร์เวย์, สเปน, สวีเดน และสวีเดน จนถึงวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นมีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในประเทศเหล่านี้ประมาณ 130,000 คน




การวิจัยในรูปแบบใหม่ บ่งชี้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประมาณ 12 ถึง 15 ล้านคน ใน 11 ประเทศเหล่านี้ หรือคิดเป็นอัตรา 3.2 ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรรวมกันทั้งหมด และอาจจะมีผู้เสียชีวิตราว 3.2 ล้านคน เมื่อนับถึงวันที่ 4 พ.ค. หากไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ เช่น ปิดธุรกิจหรือให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน

ซึ่งหมายความว่า มาตรการล็อกดาวน์สามารถลดการเสียชีวิตได้ประมาณ 3.1 ล้านคน รวมถึง 470,000 คนในสหราชอาณาจักร 690,000 คนในฝรั่งเศส และ 630,000 คนในอิตาลี



ดร.เซ็ธ แฟล็กซ์แมน หนึ่งในทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล กล่าวว่า มาตรการล็อกดาวน์ช่วยประชาชนหลายล้านคนรอดตายอย่างได้ผล ประชาชนจำนวนมากจะไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม แม้จะมีการระบาดรุนแรงของไวรัสโควิด-19 หากไม่มีการบังคับใช้มาตรการ.