"หมอชาญชัย" ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัด สธ.โยกพ้น ผอ.รพ.ขอนแก่น หอบหลักฐานส่ง “อนุทิน” ลั่น 8 มิ.ย.เดินหน้าร้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม แจงการจัดซื้อยา รพ.ผ่านระบบแข่งขัน ไม่เกี่ยวยอดบริจาคเข้า รพ.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผอ.รพ.ขอนแก่น เดินทางเข้ามารายงานตัวที่กองบริหารการสาธารณสุข หลังถูกย้ายจาก รพ.ขอนแก่น เพื่อเปิดทางให้มีการสอบวินัยร้ายแรงกรณีคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องรับเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ จากบริษัทยาเข้ากองทุนพัฒนารพ.ขอนแก่น โดย นพ.ชาญชัย ใช้เวลาในการรายงานตัวประมาณ 10 นาที
นพ.ชาญชัย กล่าวว่า วันนี้มีคำสั่งให้มาปฏิบัติงานที่กองบริหารงานสาธารณสุขก็เลยมารายงานตัว แต่ก็ได้ยื่นหนังสืออุทธรณ์คำสั่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขในกรณีนี้ด้วย เป็นการอุทธรณ์ตามสิทธิ์ ส่วนวันที่ 8 มิ.ย. นี้ จะไปยื่นขอความเป็นธรรมที่คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ต่อไป ทั้งนี้ความพยายามในการย้ายตนออกจากขอนแก่น 2 ครั้งนั้น ไม่กล้ามองว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร ตนเป็นข้าราชการทำงานที่ไหนก็ได้ แต่การตั้งข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ข่มขู่พยาน ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงมาก ขอยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรเช่นนั้น ไม่เคยเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองแม้แต่บาทเดียว ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ระบุว่ายินดีให้ตนได้นำหลักฐานมาแสดงความบริสุทธิ์ ถ้าท่านให้โอกาสก็จะนำหลักฐานไปแสดงให้ท่านทราบ อาทิ หลักฐานทางการเงิน การบัญชี ข้อมูลการไหลเวียนทางบัญชี ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้ไปไม่ครบตั้งแต่แรก ซึ่งไม่ใช่หลักฐานใหม่ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้ว ทางการเงินเป็นผู้จัดทำเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซึ่งเป็นข้อมูลน่าจะยื่นต่อกรรมการสอบข้อเท็จจริงไปแล้วเหมือนกัน
ต่อข้อถามว่าเงินบริจาคไม่สามารถรับเข้ากองทุนพัฒนา รพ.ขอนแก่น นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เงินบริจาคอยู่ที่ผู้บริจาค ใครบริจาคก็จะเข้าสู่กองทุนบริจาครพ.ขอนแก่น ซึ่งตั้งระเบียบไว้ในเดือน มิ.ย.2561 แต่กองทุนพัฒนา รพ. เปิดตั้งแต่ปี 2560 และมติ ครม. ซึ่งเสนอโดย ป.ป.ช. ออกมาเดือนมี.ค.2561 ทั้งนี้การที่ระเบียบเงินบริจาคออกช่วงเดือน มิ.ย.2561 เนื่องจากเงินโครงการวิ่งก้าวคนละก้าว ของคุณตูน บอดี้สแลม แต่กว่าเงินนั้นจะโอนก็ประมาณ ส.ค. และกว่าจะทำระเบียบการรับการจ่ายก็ต้องใช้เวลา ซึ่งเดิมเปิดบัญชีผิดใช้ชื่อว่า ก้าวคนละก้าว ก็เปลี่ยนเป็นเงินบริจาคของ รพ.ขอนแก่น ซึ่งตอนแรกคณะกรรมการบริหารกังวลว่า เงินตูนวิ่งได้ 100 กว่าล้านบาทจะนำมาเข้ากองทุน และจะมีเงินอื่นมาปนหรือไม่ จึงยังไม่เอามาเข้า แต่เมื่อเดือน พ.ย. 2561 ก็ได้ปิดกองทุนทุกกองทุนให้ไปอยู่ในร่มของกองทุนบริจาค รพ.ขอนแก่นทั้งหมด ซึ่งตนทำตามระเบียบโดยเคร่งครัด แต่จะเห็นได้ว่าระเบียบเหลื่อมกัน เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยการบริจาคจะมี 3 อย่างเท่านั้น คือ 1.เงินสวัสดิการตามระเบียบสำนักระเบียบนายกรัฐมนตรี สามารถบริจาคเข้าได้ 2.เงินบริจาคของ รพ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นเงินบำรุง ลดหย่อนได้ 2 เท่า และ 3.เงินมูลนิธิ รพ.ขอนแก่น ลดหย่อนภาษีได้ 1 เท่า และยังมีมูลนิธิอื่นๆที่ไม่ใช่ผมเป็นประธาน เช่น มูลนิธิสมเด็จพระพุฒจารย์(อาจ อาสภมหาเถร” ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหว กรรมการส่วนหนึ่งเป็นพระ
เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบพบว่ายอดบริจาคของบริษัทยามีความสัมพันธ์กับยอดการจัดซื้อยา นพ.ชาญชัย กล่าวว่า เราไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ถ้าตามระเบียบ มี.ค. 2561 การเรียกรับผลประโยชน์ต้องมีเงื่อนไขในการรับ แปลว่าถ้าไม่จ่าย เราจะไม่ซื้อยา ตรงนี้ไม่มีเด็ดขาด เพราะการจัดซื้อจัดจ้าง กับการรับบริจาคคนละโต๊ะกัน ไม่ได้เชื่อมโยงกัน อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าบริษัทไหนจะมีงบประมาณเท่าไหร่ที่จะบริจาค สุดแท้แต่เขา บางบริษัทก็มี 5 เปอร์เซ็นต์ บางแห่งน้อย หรือมากกว่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบ แต่การจะซื้อหรือไม่ซื้อยาของ รพ.ขอนแก่น จะขึ้นอยู่กับการประมูล การสอบราคายาโดยพัสดุ โดยเภสัชกร และเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง ทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ และราคายาที่ต่อรองลดลงได้มากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ อีก ช่วยให้ รพ.ประหยัดได้ 100 ล้านบาทภายในปีเดียว มีหลักฐาน 3 -5 ปีย้อนหลัง
“จากการประมูล ทำให้การซื้อยา 100 เปอร์เซ็นต์ ของ รพ.ขอนแก่น ต่ำกว่าค่ากลางของประเทศไทย และยาที่ราคาถูกที่สุดในประเทศ มี 30เปอร์เซ็นต์ แล้วจะบอกว่าเรียกรับเงินได้อย่างไร ที่มากกว่านั้น คือเรามีการจัดซื้อยาร่วมระดับเขตสุขภาพ คือราคาเท่ากันทั้งร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ เป็นต้น และส่วนที่ถูกลงก็ไม่ได้สัมพันธ์กับยอดบริจาค เพราะเงินบริจาคจะเป็นสิ่งที่เขาบริจาคเอง ทั้งที่การจัดซื้อยาราคาถูกอยู่แล้วไม่เกี่ยวกัน รพ.ไม่ได้เรียกร้องว่าถ้าไม่ให้แล้วไม่ซื้อยา ไม่มีในส่วนนี้ และหลายบริษัทที่ไม่ได้บริจาคแม้แต่บาท แต่ก็ได้ขายยาให้ รพ.ถึง 200-300 ล้านบาท เพราะชนะประมูล” นพ.ชาญชัย กล่าว และว่า กังวลกรณีมีรายงานว่าจะตั้ง นพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 11 เป็นคนสอบวินัย อยากให้ทำตามธรรมาภิบาลของกองวินัยอยู่แล้วดีกว่า
ส่วนกรณีที่เพจชมรมแพทย์ชนบทได้โพสต์รายละเอียดการนำเงินบริจาคไปใช้จ่ายที่มีรายการเดินทางไปต่างประเทศนั้น นพ.ชาญชัย ชี้แจงว่า เป็นข้อมูลที่ตนออกมาเอง ซึ่งเงินนี้จะมีการนำไปใช้ 3 ด้านคือ 1.ด้านครุภัณฑ์ และเวชภัณฑ์การแพทย์ 2.ด้านอาคารสถานที่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการดูแลผู้ป่วย และ3. ด้านพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะมีบุคลากรมาฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่ผ่านมามีการเอ็มโอยูกับประเทศญี่ปุ่น โดยจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู่กัน ซึ่งได้นักวาการเราได้นำเปเปอร์ไปนำเสนอที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตนไม่ได้ไปด้วย ส่วนที่ไปไต้หวันเพื่อประชุมวิชาการ และรับรางวัลเกี่ยวกับการวิจัยในมนุษย์ ซึ่งเปรียบเสมือน HA เมืองไทย ตรงนี้ตนเดินทางไปด้วยในฐานะหัวหน้าหน่วยงาน ย้ำว่าไปตามภารกิจ เพื่อรพ.ขอนแก่น ไม่ใช่ไปเที่ยว ไม่มีอะไรหมกเม็ด.