เปิดชีวิต อั๋น ภูวนาท - จ๋า อลิสา หลังมี “เบบี้ พอล” พร้อมแย้มเรื่องทายาทคนที่สอง

2020-06-04 16:35:16

เปิดชีวิต อั๋น ภูวนาท - จ๋า อลิสา หลังมี “เบบี้ พอล”  พร้อมแย้มเรื่องทายาทคนที่สอง

Advertisement

ยิ่งโตยิ่งน่ารักทำเอาทุกคนหลงใหลในตัวของ "เบบี้ พอล" ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคู่รักพันล้าน "อั๋น ภูวนาท" และ "จ๋า อลิสา" เป็นที่สุด งานนี้ แดดดี้อั๋นเลยถือโอกาสจูงมือภรรยาม๊ามี๊จ๋ามานั่งเล่าโมเมนต์ความน่ารักของลูกชายที่อันเป็นที่รักในรายการต้มยำอมรินทร์แบบหมดเปลือกว่าตั้งแต่ที่ "น้องพอล" เกิดมาจนตอนนี้ 2 ขวบแล้ว ในทุกวันจะลูกชายคนนี้ต้องมีเรื่องทำให้เซอร์ไพร์สตลอด ทั้งการเรียนรู้ที่เร็วมาก แถมการเลียนแบบคุณพ่อที่เหมือนมาก และที่สำคัญได้เข้ามาชุบชีวิตคนในครอบครัว พร้อมทั้งทุกคนที่อยู่รอบตัว หรือได้ใครที่ติดตามได้ดู ก็จะมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะเสมอเมื่อได้เห็น



จ๋า : พูดเก่งเหมือนแดดดี้เลย มาทางแดดดี้เลย

อั๋น : อั๋นเป็นคนที่ปกติแล้วไม่อินกับเด็กเท่าไหร่ ไม่ได้เกลียดเด็ก แต่ว่าเราไม่ค่อยได้คลุกคลีกับเด็ก อั๋นก็เลยไม่รู้ว่าเด็ก 2 ขวบปกติคนอื่นเป็นยังไง แต่ ณ วันนี้เราก็จะทึ่งกับเขาทุกๆวัน เหมือนเขามีของใหม่มาอวดเราทุกวัน พอเขาเข้านอนไปเขาตื่นขึ้นมา เขาจะโตขึ้นไปอีกสเต็ปอย่างที่เรารู้สึกได้

จ๋า : ทุกวันจะมีความเปลี่ยนหมดเลย

อั๋น : อย่างเช่นก่อนหน้านี้พูดคำนึง มีวันนึงก็มาเป็น 2 พยางค์ 3 พยางค์ แล้วอยู่ดีๆวันนึง หนึ่ง สอง สาม ปึ้งมาเป็นประโยคเลย แล้วเราก็จะหันมองหน้ากันแบบนี้ เป็นประโยคยาวแบบนี้เลยเหรอ? ใน 2 ขวบนะ




ยิ่งโตดูจะเหมือนคุณพ่อหรือว่าคุณแม่มากกว่ากัน ?

จ๋า : จ๋าว่านิสัยเหมือนอั๋นเลย เขาก็ช่างพูด ทำทุกอย่างที่พ่อทำ พ่อทำอะไรเขาทำตามหมด อั๋นชอบทาลิปมันเขาก็ทาลิปมัน อั๋นชอบเก็บขยะเขาก็เก็บขยะ เขาทานอะไรเหมือนกัน



จ๋า : ภูวนาถเนี่ยนอนไขว่ห้างอย่างงั้นหลับ จ๋าเคยถ่ายให้เขาดูบอกว่า เธอหลับเธอนอนไขว่ห้างได้ยังไง เขาก็นอนแบบนั้น น้องพอลก็นอนแบบนั้น จ๋าก็ห๊า มันมาทางกรรมพันธุ์เลยเหรอ

อั๋น : อยู่ดีๆวันนึงเขาก็ปีนขึ้นมาบนเตียงเขาก็มานั่งดูทีวี “เปิดวีครับ” แล้วเขาก็ยกขาขึ้นมาแล้วเขาก็นอน แล้วจ๋าก็(สะกดิอั๋น)หันไป เฮ้ย..มานอนท่านี้ได้ไงวะ



ทั้งคู่บอกว่าลูกเปรียบเสมือนของขวัญจากพระเจ้าเลย ?



จ๋า : จ๋าว่ามันก็เกินความคาดหมาย คือพ่อแม่ช่วงใหญ่ตอนแรกก็จะห่วงว่าคลอดมาครบไหม? อะไรอย่างนี้ อันนี้เขามีเซอร์ไพร์สให้เราตลอดเวลา จ๋ายังถามคุณยายคุณย่าเลยว่า เด็กเขาทำได้กันขนาดนี้เลยเหรอ เอ๊ะ..หรือว่าจ๋าก็เก่งแบบนี้ตั้งแต่เด็ก คือเราก็มีความรู้สึกว่าเซอร์ไพร์ส รู้สึกว่าแฮปปี้กับเขา เขาพูดรู้เรื่องตั้งแต่เล็กๆ

อั๋น : เหมือนเขาเป็นเด็กที่รู้เรื่องตั้งแต่คลอด เอาขึ้นมาในห้องโรงพยาบาลวันแรกเลยนะ แล้วคนมาเยี่ยม เขามองหน้าทุกคน ตั้งแต่อายุ1วัน2วันซึ่งเด็กบางคนยังไม่ลืมตาเลย แล้วมองทีละคน แต่จริงๆชัดเจนเลย เขาชอบผู้หญิงแต่งหน้า

พอมีน้องพอลขึ้นมา พี่อั๋นตกกระป๋องจากคุณหญิงย่าเลยนะ ?

อั๋น : จริง ทุกคนรู้สึก
จ๋า : แล้วคุณหญิงย่านะวันเกิดน้องพอล ลุกขึ้นมาแต่งหน้าเลย บอกว่าทำไมวันนี้คุณย่าสวยจังเลยคะ? ไม่ได้ซิ วันนี้วันเกิดพอล เนี่ยย่าจะต้องสวยให้เขาเห็นว่าย่าสวย



อั๋น : เชื่อไหมแค่แต่งหน้าอยู่บ้าน น้องพอลเจอหน้าปุ๊บวิ่งเข้าไปสวัสดีจูงมือเลย เหมือนเป็นสัญชาตญาณอะเขาชอบคนสวย แต่ว่าคุณย่าเนี่ย มันเป็นเรื่องแปลกเนอะ เขาบอกเขาไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ แต่เขาก็รู้ตัวว่าเขาลืมลูกไปเลยอะ เขาข้ามไปรักหลานแล้วแบบลืมลูกไปเลย แต่ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักเราหรอก เหมือนหมดห่วงเราแล้วเขาเอาความห่วงทั้งหมดไปอยู่กับตรงนั้น

คุณยายล่ะเป็นยังไงบ้าง?

จ๋า : หูย คุณยายเมื่อก่อนคือวันๆคือนั่งดูทีวีไม่ทำอะไรเลย เพราะไม่มีอะไรจะทำ คุณยายก็จะบอกว่าก็แม่ไม่มีอะไรจะทำอะลูก พอมีหลานนะ บ่ายจ๋าประชุมใช่ไหมคะ เมื่อไหร่นอนพอลตื่นขับรถออกกันไปเลย ไปทะเล ไปวิ่ง ไปหาสนามหญ้าใหญ่ๆ ตั้งแต่เขาเริ่มเดินได้อะ แม่หาสนามหญ้าใหญ่ทุกที่เลย เขารู้จักทั้งพัทยาเพื่อหาที่ให้หลานเดิน



ทั้ง 2 คนพูดเสมอเลยว่าน้องพอลเกิดมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก ?

จ๋า : จ๋าก็มองว่าตอนนี้เรามีโควิดใช่ไหมคะ? ธุรกิจเปิดไม่ได้เนี่ย วันๆก็คงนั่ง สติเราจะไปจดจ่ออยู่กับธุรกิจ พอตอนนี้คือมันไม่จดจ่อเลยอะ มันเหมือนกับเวลาทำงานก็แบ่งแยกได้ เวลาอยู่กับลูกก็แบบมีความสุขมาก หัวเราะทั้งวัน หัวเราะได้ทั้งวัน ถ้าเราทำแต่ธุรกิจ คิดสภาพเราไม่มีเขา เราจะต้องแบบ ทำยังไงอะ เพราะจริงๆธุรกิจก็ลูกน้องก็เหมือนลูก น้องพอลก็ลูก มันก็จะต้องหวงกันไปหมดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นทุกวันนี้มันก็เลยรู้สึกสบายมันชิลล์




อั๋น : อย่างที่อั๋นรู้สึกว่าเขามาถูกเวลาก็คือ ในช่วงนี้เขาเพิ่งคบ 2 ขวบพอดีในช่วงที่โควิดพีคสุด มันเป็นช่วงที่หลายคนบอกว่าเด็กวัยนี้เริ่มเข้าโรงเรียนแล้วด้วยซ้ำ แต่เรารู้สึกว่าเขาถึงอายุนี้แล้วเขามาพร้อมกับสถานการณ์การตึงเครียดนี้ แล้วเราก็ได้อยู่บ้าน เราได้ work from home ได้ stay home เพื่อช่วยชาติ แล้วเราอยู่บ้านเยอะมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อยู่บ้านได้ต่อเนื่องกัน 7 วัน เห็นหน้าเขาหลับ พอเขาตื่นแอ๊ะแรกเปิดประตูปุ๊บคือ น้องพอลตื่นแล้วเหรอครับเป็นยังงี้ทุกวัน ซึ่งผมรู้สึกว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เนอะที่เวลามันลงตัวในช่วงเวลาที่เขาต้องการเราที่สุดและเขารู้เรื่องเราแล้วด้วยนะ ถ้าเด็กกว่านี้เขาก็อาจจะพี่เลี้ยงก็ได้ คุณย่าคุณยายคุณอาคุณป้าดูแลแทนก็ได้ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการพ่อแม่ที่สุดแล้วเราได้ตรงนี้พอดี จ๋าบอกอั๋นตลอดเลยว่า ภูวนาถลองคิดดูนะถ้าช่วงนี้เราไม่ลูกอะ นั่งมองหน้ากัน ไม่รู้จะทำอะไร เราจะต้องเครียดมาก เพราะว่าไปไหนไม่ได้ เจอเพื่อนไม่ได้ คนทำงานหนักๆอย่างเราก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วยังต้องแก้ปัญหาธุรกิจ ไม่มีอะไรเลย แต่ทุกครั้งที่เราเครียดๆๆๆ เห็นหน้าลูก แม่ครับ มันศูนย์เลยคือมันหัวเราะ มันดีเลย

หลายคนลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีน้องให้ เบบี้พอล สักที ?

อั๋น : ถ้ามีก็ดีเนอะ ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้น้องพอลมีพี่น้องเป็นเรื่องที่ดี เรามีความรู้สึกว่าเค้าเป็นหลานคนเดียวของฝั่งครอบครัวอั๋น แต่ทั้งหมดทั้งปวงคนที่รับภาระหนักที่สุดคนนั้นคือ แม่ นอกจากต้องเลี้ยงเค้าท้องต้องคลอดเพราะฉะนั้น อั๋น เลยให้ทุกอย่างอยู่ที่เค้าเราจับสัญญาณได้ว่า เค้าลังเล

จ๋า : ไม่ๆคือปีที่แล้วพยายามไปแล้วค่ะ เหมือนมันก็แบบ จ๋า ว่าเรากังวลพอกังวลแล้วไม่มาแล้วก็ช่วงปีที่แล้วนะคะ เราเลยพูดกับ อั๋น ว่าเราหยุดไปสักพักหนึ่งก่อน เอาอะไรให้มันพร้อม แล้วจ๋า จะได้ไม่กังวล จ๋า ว่ามันอยู่ที่สมองเรา เหมือนที่เรากังวล เราไม่มีสมาธิ หรือว่ามันแบบวุ่นวายไปหมดเลยเราก็เลยรู้สึกว่าอย่าเพิ่งดีกว่า รอความพร้อมก่อน