รวบหนุ่มจีนปลูกกัญชากลางกรุงนับพันต้น

2020-06-02 13:35:43

รวบหนุ่มจีนปลูกกัญชากลางกรุงนับพันต้น

Advertisement

ผบช.น. แถลงจับกุมหนุ่มจีน ใช้โกดังขนาดใหญ่ลักลอบปลูกกัญชาออแกนิกกลางกรุง นับพันต้น

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.63 พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ร่วมกันจับกุมนายอู๋ ติง ปิน (Mr.WU DING BIN) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ากัญชาออร์แกนิคชาวจีน พร้อมขยายผลตรวจยึดต้นกัญชาได้กว่า 1,000 ต้น ภายโกดังซอยอ่อนนุช 82 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน. ทองหล่อ ได้จับกุมนายหม่า โฮ ยิน (Mr.Ma Ho Yin) อายุ 36 ปี สัญชาติฮ่องกง ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบปลูกกัญชา อยู่ภายอาคารพินิชย์สูง 4 ชั้น ภายในซอยรามคำแหง 27




โดยภายในอาคารมีการสร้างโรงเรือนขนาดเล็ก พร้อมมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งการจับกุมครั้งนั้นทำให้เจ้าหน้าที่สามารถขยายผลไปยังขบวนการลักลอบขายกัญชาผ่านทางกลุ่มไลน์ ชื่อ "Heaven Herb" ซึ่งมีการจัดส่งให้ลูกค้าแบบเดลิเวอรี่ จากการสืบสวนเชิงลึกจึงทราบว่านายอู๋ ติง ปิน มีพฤติการณ์จำหน่ายกัญชาและน่าจะมีแหล่งผลิตกัญชาอยู่ในย่านประเวศ

จากการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จึงทราบว่านายอู๋ ติง ปิน พักอยู่ที่ซอยรามคำแหง 24/3 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พบนายวู ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับที่นายหม่า โฮ ยิน ให้ข้อมูลไว้ และจากการตรวจค้นพบกุญแจและรีโมท โดยนายอู๋ ติง ปิน ยอมรับว่า เป็นกุญแจของโกดังที่อยู่ในซอยอ่อนนุช 82



จากนั้นตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจสอบโกดังดังกล่าว พบว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา และเมื่อตรวจสอบภายในโกดังพบผู้ต้องหาได้ทำการดัดแปลงโกดังสินค้าให้เป็นสถานที่ปลูกกัญชาออร์แกนิคกว่า 1,000 ต้น ตลอดจนมีการปรับระบบแสงและอากาศ เพื่อให้เหมาะกับการปลูกกัญชา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนนายอู๋ ติง ปิน รับสารภาพว่า มีหน้าที่เป็นช่างดูแลระบบไฟฟ้าภายในโกดังเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมพบ นายอู๋ ติง ปิน ถือกระเป๋าขนาดใหญ่เข้า-ออกโกดังดังกล่าว ซึ่งอาจไหวตัวทันจากการติดตามสืบสวนของเจ้าหน้าที่ จึงปิดระบบไฟฟ้าทำให้ต้นกัญชาตาย แล้วนำเมล็ดพันธุ์กัญชาออกจากพื้นที่ดังกล่าว

พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้เดินทางเข้าประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2561 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาปี 2562 เปลี่ยนเป็นวีซ่านักศึกษาเพื่อมาเรียนมวยไทย และจากหลักฐานพบว่าผู้ต้องหาเป็นรายเดียวกันกับที่ถูกจับกุมในพื้นที่ สน.หัวหมาก โดยขยายผลพบผู้กระทำผิดเป็นชาวต่างประเทศทั้งหมด 5 คน จับกุมได้แล้ว 1 คน



สำหรับต้นกัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศดังกล่าว หากนำไปขายในต่างประเทศจะมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 250,000 บาท หากส่งถึงมือผู้รับจะมีราคาสูงอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 700,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในความครอบครอง และผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 5 โดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวให้ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป