“พล.ต.สุพิศาล” ระบุตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการสู้โควิด บทพิสูจน์ความโปร่งใสรัฐบาล
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสเฟสบุ๊กในหัวข้อ อย่าหนีการตรวจสอบ ! ตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจใช้งบประมาณและมาตรการสู้โควิด" ป้องกันทุจริตคอรัปชั่น-ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้ ส.ส.ทั่งฝ่ายรัฐบาล ร่วมสนับสนุนให้มีการตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญตรวจสอบการใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขปัญหาภายใต้วิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ยื่นเป็นญัตติด่วนไปแล้วนั้น
พล.ต.ต.สุพิศาล ระบุตอนหนึ่งว่า วงเงินกู้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์นี้ ถ้าใช้อย่างประสิทธิภาพ จะสามารถช่วยกู้วิฤตประเทศ ทั้งจากวิกฤตโควิด-19 และวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ แต่ก็ตรงกันข้าม ถ้าใช้อย่างเป็นเบี้ยหัวแตกเพื่อให้เกิดโครงการใช้เงินเท่านั้น หรือช่วยเหลือแต่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพื่อประโยชน์แต่พวกพ้องตนเอง ดังข้อครหาที่ผ่านมาว่า อุ้มเจ้าสัว อย่างนั้น ประเทศไทยก็คงต้องจมปลักอยู่ในวิกฤตนี้ ซึ่งแน่นอนว่าคนที่จะต้องปาดน้ำตา แบกรับหนี้สินคือประชาชนคนไทยทุกคน จึงไม่เพียงแต่การอภิปรายครั้งนี้เท่านั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้แทนประชาชน จะต้องใช้กลไกในระบบรัฐสภาตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งเป็นฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบประมาณ รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ ที่เพื่อแก้ปัญหาโควิด -19 และก็ไม่ใช่เพียงแต่เงินกู้ที่มีการพิจารณาครั้งนี้เท่านั้น หากยังหมายรวมถึงงบประมาณก้อนอื่น ๆ เช่น งบกลางที่จะโอนมาให้รัฐบาลใช้ตาม พ.ร.บ. โอนงบประมาณประจำงบประมาณ 2563 กว่า 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาในช่วงสัปดาห์หน้าด้วย
พล.ต.สุพิศาล ระบุอีกว่า เป็นที่น่ายินดีว่า มีหลายพรรคทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลให้การสนับสนุน และยื่นญัตติด่วนทำนองเดียวกันนี้ประกอบ แต่กระนั้น ท่าทีของพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำฝ่ายรัฐบาลก็ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะหัวหน้ารัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คล้ายๆ กับว่าไม่อยากจะให้มี กมธ.วิสามัญชุดนี้เกิดขึ้น เพราะถ้ายึดตามที่พรรคก้าวไกล เสนอ กมธ. ชุดนี้ ไม่ใช่ว่าดูแต่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาตรการแก้ไขปัญหาโควิดของรัฐบาลด้วย อาทิ การประกาศเคอร์ฟิว การจ่ายเงินเยียวยาประชาชน การจัดการการเดินทางกลับประเทศของคนไทย มาตรการคลายล็อก หรือการเปิด-ปิดโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนคนไทยเห็นแล้วว่า มีปัญหาอย่างไร ประสิทธิภาพในการจัดการเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างไร
“สรุปชัดๆ ตรงนี้ว่า การตั้ง กมธ. วิสามัญ ตรวจสอบการใช้งบและมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 จะเป็นบทพิสูจน์ความโปร่งใสของรัฐบาลชุดนี้ที่สำคัญยิ่ง ซึ่งคงต้องขอความร่วมไม้ร่วมมือ ส.ส.ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมกันลงมติให้เกิดขึ้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากญัตติด่วนนี้ถูกตีตกไป ไม่มีการตั้งขึ้น ก็คงต้องขอเดาเอาไว้ก่อนเลยว่า จะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นแน่ ๆ มาร่วมกันสนับสนุนให้ตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้งบและมาตรการแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 มาช่วยกันจับตารัฐบาล และปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนด้วยกันครับ” พล.ต.สุพิศาล ระบุ