พร้อมแค่ไหนคลายล็อก 1 มิ.ย.63 ร้านนวดต้องประเมินก่อนถึงเปิดได้

2020-05-31 23:20:33

พร้อมแค่ไหนคลายล็อก 1 มิ.ย.63   ร้านนวดต้องประเมินก่อนถึงเปิดได้

Advertisement




โรคติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 31พ.ค.63 มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 4 ราย จำนวนสะสมเป็น 3,081 รักษาหายอีก 2 ราย ยอดผู้ป่วยที่กลับบ้านได้ 2,963 ราย (96.17%ของทั้งหมด) ยังอยู่โรงพยาบาลอีกเพียง 61 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม


ขณะที่ทั่วโลก ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 125,415 ราย ยอดสะสม 6,156,438 เสียชีวิตรวม 370,918 ราย สหรัฐอเมริกา อันดับหนึ่ง 1,816,820 ราย เสียชีวิตรวม 105,557 อันดับสองบราซิล 499,966 ราย เสียชีวิต 38,849 อันดับสาม รัสเซีย 396,575 ราย เสียชีวิต 4,555 อินเดียประเทศในเอเชีย ติดอันดับเก้า 181,827 ราย เสียชีวิตแล้ว 5,185 ราย




แม้ในประเทศผู้ป่วยน้อยลง แต่รอบอาณาจักร ทั่วโลก โรคยังระบาดไม่คลาย อันตราย ความเสี่ยงที่จะตลบกลับมาจึงมีได้ทุกเมื่อ


แต่การคลายล็อกรอบสามต้องเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้


รับทราบก่อน ผู้ติดเชื้อใหม่ทั้ง 4 เดินทางกลับจากต่างประเทศ รายแรกเป็นหญิง อายุ 37 อาชีพพนักงานนวด จากสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ เข้าพักในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State quarantine) มีน้ำมูก หายใจลำบาก ปวดศีรษะ ปวดท้อง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล อีก 2 รายเป็นนักศึกษาจากตุรกี ตรวจพบเชื้อโดยไม่มีอาการ อีกรายจากประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นนักศึกษาชาย เดินทางจากกรุงริยาด - กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เข้าประเทศไทยโดยรถบัสทางด่านปาดังเบซาร์ จ.นราธิวาส ตรวจครั้งแรกวันที่ 21พ.ค.63 ไม่พบ ตรวจซ้ำ วันที่ 29 พ.ค.63 พบเชื้อจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล





ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อยไม่มีอาการ จึงต้องกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน หากไม่มีระบบควบคุมโรคในพื้นที่จำกัด ย่อมมีโอกาสแพร่เชื้อ



การคลายล็อกหรือผ่อนปรนมาตรการให้กิจการ กิจกรรม บางประเภทที่เคยถูกสั่งให้หยุดกิจการกลับมาเปิดได้ ก็มิใช่ว่า เมื่อถึงวันที่กำหนดจะทำได้ทันที เพราะแต่ละจังหวัดจะออกประกาศรายพื้นที่ กำหนดรายละเอียด ต้องปฏิบัติอย่างไร บางท้องที่ที่อาจมีความเสี่ยงแตกต่างจากแหล่งอื่น ก็อาจกำหนดหลักเกณฑ์ที่เข้มข้นกว่ามาตรการผ่อนคลายของรัฐได้



กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 13/2563 ซึ่ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกทม. เป็นประธาน มีมติให้กิจการ 17 ประเภท เปิดบริการได้ในวันที่ 1 มิ.ย. 63 โดย16 กิจการ รวมถึงกิจการที่อนุญาตให้เปิดก่อนหน้านี้ จะปรับแนวทางให้ผ่อนคลายมากขึ้น





ร้านอาหาร ที่ก่อนหน้านี้ ให้จัดโต๊ะแบบเว้นระยะห่าง 1 โต๊ะต่อ 1 คน จะอนุญาตให้นั่งร่วมโต๊ะกันได้ แต่ต้องนั่งห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร



สถานที่ที่ กทม.ให้เปิดบริการพร้อมกับมาตรการที่ผ่อนคลาย ได้แก่ 1.ร้านอาหาร 2.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอล์ เปิดได้ถึง 21.00 น3. ร้านเสริมสวยทั้งบุรุษและสตรี ให้ทำสีผมได้ ภายใน 2 ชม.ห้ามนั่งรอในร้าน 4. คลินิกเสริมความงาม สถานเสริมความงาม สถานที่สักหรือเจาะผิวหนัง เว้นบริเวณใบหน้า ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 5.สถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า แต่จำกัดเวลา จำกัดผู้เข้าเล่นแบบรวมกลุ่ม ห้ามอบตัวและอบไอน้ำแบบรวม 



6.ศูนย์การแสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ใช้พื้นที่รวมไม่เกิน 20,000 ตร.ม. เปิดได้ถึง 21.00 น. 7.สนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง งดกิจกรรมที่มีคนมาชุมนุมหนาแน่น 8.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ให้เจ้าหน้าที่มาประกอบอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับผู้ปกครองรับไปให้เด็กเท่านั้น 9.สถานประกอบการสปา นวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า ให้ใช้เวลาไม่เกิน 2ชม. (งดการอบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำ และกิจการอาบน้ำ 10. สถานที่ฝึกซ้อมมวย, โรงยิมหรือค่ายมวย เปิดเฉพาะฝึกซ้อมนักมวย ให้ชกลม ชกเป้าได้แต่ห้ามชกคน





11. สนามกีฬาเพื่อออกกำลังกายหรือฝึกซ้อม ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล และวอลเวย์บอล ไม่มีการแข่งขัน ผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 10 คน ไม่นับผู้เล่น 12.สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ต โรลเลอร์เบลด หรือการละเล่นอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน เฉพาะออกกำลังกายหรือการฝึกซ้อม 13.สถาบันลีลาศ หรือสอนลีลาศ 14.สระน้ำเพื่อการเล่นกีฬา หรือกิจกรรมทางน้ำในบึง เช่น เจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ บานาน่าโบ้ต ไม่เป็นการแข่งขันและจำกัดผู้เล่น 15.โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ จำกัดไม่เกิน 200 คน โรงมหรสพเฉพาะลิเก ลำตัด การแสดงพื้นบ้าน (งดแสดงดนตรี คอนเสิร์ต) โรงภาพยนตร์ นั่งเป็นคู่ได้ แต่ต้องสวมหน้ากาก 16.สวนสัตว์ สถานที่จัดแสดงสัตว์ จำกัดผู้ร่วมกิจกรรมที่เป็นการรวมกลุ่ม 17.สถานศึกษาต่าง ๆ แม้ยังไม่อนุญาตให้เปิดการเรียนการสอน แต่อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา กทม. อนุญาตให้ครู อาจารย์ ประชุมเตรียมทำแผนการเรียนการสอนได้ 




ทุกกิจการ/กิจกรรมมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถทำอย่างเดิมยุคก่อนโควิด-19 ได้


กิจการร้านนวดเพื่อสุขภาพ นวดเสริมความงาม และสปา ซึ่งทั่วประเทศมีอยู่ 10,500 แห่ง เป็นร้านนวด 9,400 แห่ง นวดเสริมความงาม 200 แห่งและสปา 900 แห่ง ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) วางข้อกำหนดสำหรับการจัดเตรียมสถานบริการ ผู้ให้บริการและผู้รับบริการ โดยผู้ประกอบการจะต้องผ่านการประเมินความพร้อมของตนเอง (Self-Assessment) ในการจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ในการป้องกัน/ทำความสะอาด ได้แก่ จัดเตรียมหน้ากากผ้าหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ อุปกรณ์วัดไข้ น้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดพื้นผิวจุดสัมผัสต่าง ๆ ภายในสถานบริการ รวมทั้งการจัดเก็บขยะมูลฝอยให้ถูกสุขลักษณะ




การประเมินความพร้อม ทำผ่านระบบออนไลน์ หากเจ้าหน้าที่พิจารณาผ่านจะตอบกลับมาโดยผู้ประกอบการต้องพิมพ์ใบรับรองการผ่านประเมิน (e-certificate) และพิมพ์ QR Code เพื่อให้ลูกค้าลงทะเบียน ประเมินการใช้งานรวมทั้ง จะต้องลงทะเบียนในเว็บไซต์ไทยชนะ.คอมเพื่อติดตามการรับบริการของประชาชน




การให้บริการ ต้องมีพนักงานต้อนรับคอยสอบถามประวัติด้านสุขภาพของลูกค้าผู้รับบริการ มีการบันทึกข้อมูลผู้รับบริการ จัดระยะห่างของเก้าอี้นวดอย่างน้อย 1.5 เมตร ห้องบริการนวด 1 คน ต่อ 1 ห้อง ภายในเวลา 2 ชม. พนักงานผู้ให้บริการต้องตรวจคัดกรองวัดไข้ทุกวัน หากมีอาการ เช่นมีไข้ ไอ ต้องหยุด ระหว่างบริการ ห้ามชวนคุยพร้อมกับสังเกตอาการ หากลูกค้า ผู้รับบริการ มีอาการไข้ ไอ น้ำมูก ให้หยุดบริการ โดยมาตรการต่าง ๆ มีรายละเอียดกำกับมากมาย เช่นการทำความสะอาด ผ้าเช่นปลอกหมอน ห้ามสะบัด เพราะหากมีเชื้อจะแพร่กระจายได้


การบริการต่างๆ ลูกค้า ผู้รับบริการจะประเมินผ่านทางแอปพลิเคชั่นไทยชนะในช่วงเช็กเอาต์ หลังเสร็จการรับบริการ


สำหรับพนักงานนวดไทยที่กลับจากต่างประเทศ หากจะมาทำงาน แม้จะพ้นช่วงกักตัวในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ 14 วันแล้ว ยังรับเข้าทำงานไม่ได้ ต้องพักอยู่เฉยๆอีก 1 เดือน


เป็นการนวดเพื่อสุขภาพที่ร้าน ผู้ให้บริการ และลูกค้า ต้องปรับตัวกันพักใหญ่


ช่วงแรกคงเกร็งกับการผ่อนคลายที่มีรายละเอียดยุ่บยั่บ...เยอะ