นายกฯลงนามข้อกำหนดฉบับที่ 9 ผ่อนปรนกิจกรรม กิจการ ระยะที่ 3 ระบุหากมีใช้ตำแหน่งหน้าที่ แอบอ้างหาประโยชน์จากการใช้สถานที่ของเอกชนเพื่อกักกันเป็นความผิดตามกฎหมายให้แจ้งต่อศูนย์ดำรงธรรมได้ทั่วราชอาณาจักร หรือ ศบค.
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 9) โดยสาระสำคัญคือการผ่อนปรนกิจกรรม กิจการ ระยะที่ 3 ตามที่ ศบค.เห็นชอบและแถลงไปแล้ว นอกจากนี้ ในช่วงท้าย ข้อกำหนด ระบุด้วยว่า การแสดงตนโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ หรือแอบอ้างว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำการ เรียก รับ ยอมจะรับเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ หรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ จากการใช้สถานที่ของเอกชนเพื่อการแยกกัก กักกัน หรือคุมไว้สังเกต หรือเจตนาแกล้งให้ผู้อื่นมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อหรือข้อกำหนดซึ่งออกตามความในกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตในการเรียกเงิน ทรัพย์สินหรือ ประโยชน์ตอบแทนจากการไม่ดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย ผู้ประสบเหตุ ดังกล่าวให้แจ้งต่อศูนย์ดำรงธรรมได้ทั่วราชอาณาจักร หรือแจ้งต่อศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2563 เป็นตันไป ประกาศ ณ วันที่ 29 พ.ค.2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี