ความสนใจในชั่วโมงนี้ คงง่วนกับการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะทำอะไรต่ออะไรได้มากกว่าที่เคย
ยัง! อย่ายินดีจนเสียอาการ ความเข้มข้นที่ครอบงำการผ่อนคลายยังไม่ได้หายไปไหน
ที่สำคัญ แต่ละจังหวัดสามารถออกข้อกำหนด ที่ตึงกว่ามาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.) ได้นะ
ที่ต้องเตือนใจไว้เสมอ การแพร่ระบาดของเชื้อยังมีอยู่ทั่วโลก ตัวเลขล่าสุดผู้ป่วย 5,920,231 ราย ใกล้ 6 ล้านเข้าไปทุกที มีรายใหม่เพิ่มขึ้น 115,572 ราย ยอดเสียชีวิตรวม 362,024 ราย สหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนที่มีผู้ป่วยสะสมเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือบราซิลและรัสเซีย รายงานของไทย วันที่ 29พ.ค.63 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11 ราย เป็นผู้กลับจากประเทศคูเวต อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรคแห่งรัฐ (State Quaratine) ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้ป่วยสะสม 3,076 ราย หายแล้ว 2,945 ราย
การดูแล เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดยังจำเป็น เพราะผู้ติดเชื้อทุกรายพร้อมจะเปลี่ยนสถานะสู่การแพร่เชื้อได้ การเข้าไปในที่ชุมนุมชน ที่แออัด การสัมผัสกับคนป่วย มีความเสี่ยง
1.การคัดกรองไข้ ไอ หอบเหนื่อย จามหรือเป็นหวัด กับพนักงานบริการและผู้ใช้บริการ หากพบผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ต้องรายงานหน่วยงานรับผิดชอบ 2. ทุกกิจการและกิจกรรมต้องลงทะเบียนก่อนเข้า – ออกสถานที่ ทั้งแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทน 3. ให้พัฒนานวัตกรรม การลงทะเบียนเข้า – ออกสถานที่ ระบบการเรียนการสอน การจองคิวแบบออนไลน์ เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาว ที่จะทำให้การป้องกันควบคุมโรคมีประสิทธิภาพ
1.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตที่จะผ่อนคลาย ได้แก่ -การขยายระยะเวลาเปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ จนถึงเวลา 21.00 น. -การอนุญาตให้เปิดศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ พื้นที่รวมไม่เกิน 20,000 ตร.ม. ถึงเวลา 21.00 น. -การอนุญาตให้เปิดสนามพระเครื่อง ศูนย์พระเครื่อง ที่ต้องเน้นมาตรการเว้นระยะห่าง Social Distancing -อนุญาตให้เปิดร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผมสำหรับบุรุษหรือสตรี โดยให้บริการรายละไม่เกิน 2 ชม.
-การอนุญาตให้เปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน เฉพาะการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการเตรียมอาหาร เครื่องดื่ม ให้เด็ก โดยไม่มีการเรียนการสอน 2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการได้แก่
-การเปิดสถานบริการเพื่อสุขภาพ อาทิ การนวดสปา นวดแผนไทย นวดฝ่าเท้า ให้บริการได้ไม่เกิน 2 ชม. งดการอบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำ และกิจการอาบอบนวด -การเปิดสถานที่ออกกำลังกาย ฟิตเนส ให้ทำกิจกรรมได้ทั้งหมด การเปิดสนามกีฬาเพื่อออกกำลังกายหรือฝึกซ้อม อาทิ ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล มวย และวอลเลย์บอล -การเปิดสถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ต โรลเลอร์เบลด หรือการละเล่นอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน เฉพาะเพื่อการออกกำลังกาย ฝึกซ้อม เท่านั้น -การเปิดสถาบันลีลาศหรือสอนลีลาศ -การเปิดสระน้ำเพื่อการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมน้ำในบึง อาทิ เจ็ตสกี ไคท์เซิร์ฟ -การเปิดโรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่เกิน 200 คน -การเปิดสวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์ แต่ต้องคือ สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ เว้นระยะห่าง Social Distancing ตรวจวัดอุณหภูมิ และจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการเสมอ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่รับรู้กันในแวดวงบุคลากรด้านการสาธารณสุข ต่อมาตรการผ่อนปรนช่วงต่อจากนี้ คือปัญหาของการบริการบางประเภทในการรักษาระยะห่าง
ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของแต่ละคนจะระวังดูแลกันเอง
ก็ต้องย้ำให้เตือนตัว เตือนใจ อยู่ใกล้ชิด จะติดโควิดง่าย ๆ นา
ข้อมูลที่ควรทราบ ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 51 ราย เป็นผู้กลับจากต่างประเทศ อยู่ในพื้นที่ควบคุมโรค 42 ราย หรือ 80% เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า 6 ราย เป็นผู้ที่ไปในสถานที่ชุมนุมชน 3 ราย
ดังนี้ การประชุม ศบค. เพื่อพิจารณามาตรการผ่อนคลาย จึงต้องย้ำแนวปฏิบัติ 3 ด้าน ที่ต้องดำเนินไปพร้อมกัน คือ
ส่วนมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 พล.อ. สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แจ้งว่า กิจกรรมและกิจการที่จะผ่อนคลาย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1. กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต 2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ
-การเปิดคลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงาม สถานที่สักหรือเจาะผิวหนัง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ยกเว้นบริเวณใบหน้าและสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
ส่วนมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงไว้ ได้แก่ การควบคุมการเดินทางเข้าประเทศไทย บก น้ำและอากาศ การปรับระยะเวลาห้ามออกนอกเคหสถานเป็น 23.00 น. - 03.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป การให้เดินทางข้ามจังหวัดได้ภายใต้ข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดนั้น ๆ และขยายระยะเวลาการเปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ให้เปิดบริการได้ถึง 21.00 น.