รองโฆษก อสส. ระบุคดี "แม่ปุ๊ก" ยังไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ แต่หากหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ชี้ให้เห็นถึงสารเคมีที่อยู่ในร่างการของเด็กทั้ง 2 คนจนทำให้มีอาการป่วยเป็นชนิดเดียวกัน ก็อาจจะเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือ ฆ่าโดยทารุณกรรมโหดร้าย โทษประหารชีวิต
จากกรณี แม่ปุ๊ก วัย 29 ปี ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามจับกุมในคดีฉ้อโกงกว่า 10 ล้านบาท หลังโพสต์ในเฟซบุ๊กให้ชาวเน็ตช่วยสั่งซื้อสินค้า และช่วยบริจาคเงิน โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษา ด.ญ.เอ ลูกสาวคนโตอายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนที่จะเสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2562 ต่อมาแม่ปุ๊ก อ้างว่า ด.ช.บี ลูกชายคนเล็ก อายุ 2 ขวบ ได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่าอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊กกลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาท เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น ฉ้อโกงประชาชน นั้น
เมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ในข้อหาแรกคือ “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ” เป็นการแจ้งข้อหาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎขั้นแรกตามที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นข้อหาตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กเพื่อให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการนำตัวเด็กออกมาจากสภาพแวดล้อมที่อันตราย และให้อำนาจหน่วยงานที่รับผิดชอบมีเวลาในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งยังไม่เข้าข่ายค้ามนุษย์ เพราะหากดูข้อกฎหมายจะพบว่า ข้อหา รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ใช่กฎหมายค้ามนุษย์ ส่วนประเด็นค้ามนุษย์ จะต้องเข้าข่าย การขายอวัยวะ ลามกอนาจาร ขอทาน และนำมาเป็นทาส ซึ่งกรณี นี้อาจเป็นการนำมาขอทานหรือไม่ พนักงานาอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรมของแม่ปุ๊ก นำเด็กมาขอทานอย่างไร ส่วนตัวมองว่า กรณีแม่ปุ๊กจะต้องใช้พยานหลักฐานที่เป็นนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยต้องเชื่อมโยงให้เห็นว่า การเสียชีวิตของเด็ก 2 คน มีสารใดในร่างกายบ้าง เพื่อชี้ให้เห็นพฤติกรรมของแม่ปุ๊ก ที่อาจเข้าข่ายฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หรือ ฆ่าโดยทารุณกรรมโหดร้าย ซึ่งมีโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทั้งนี้ทางอัยการ ยืนยัน ไม่สามารถก้าวล่วงการทำงานของพนักงานสอบสวนได้ ซึ่งเชื่อว่าพนักงานสอบสวนทำหน้าที่ได้อย่างดีที่สุด และอัยการก็จะทำหน้าที่สั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนมา