ลุงแท็กซี่สุดช้ำถูกฟาดหัวเจ็บตัวแถมขาดรายได้

2020-05-28 15:00:52

ลุงแท็กซี่สุดช้ำถูกฟาดหัวเจ็บตัวแถมขาดรายได้

Advertisement

ลุงขับรถแท็กซี่ สุดช้ำบาดเจ็บเพราะคู่กรณีใช้หมวกกันน็อคฟาดหัวไม่ยั้ง จนขาดรายได้

เมื่อวันที่ 28 พ.ค.63 นายเม้ง เเซ่เฮง อายุ 75 ปี ลุงขับรถแท็กซี่ซึ่งถูกคู่กรณีใชัหมวกกันน็อคฟาดจนได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยภาย หลังเข้าให้ปากคำกับตำรวจ สน.เพชรเกษม ว่า โดยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถแท็กซี่มุ่งหน้าเเยกกำนันเเม้น เพื่อนำรถไปซ่อมวิ่งเลนขวาบนถนนกัลปพฤกษ์ตลอดเส้นทาง

จู่ๆ รถมอเตอร์ไซด์คู่กรณีซึ่งมีผู้หญิงนั่งซ้อนท้ายมาด้วย ขับเข้ามาเบียดเเล้วเเสดงความไม่พอใจออกมาด้วยการถีบรถเเท็กซี่ของตน พร้อมกับตะโกนด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ต่อมาคู่กรณีจอดรถให้ผู้หญิงลงระหว่างทาง ก่อนบิดคันเร่งตามมาดักหน้ารถลุง กระทั่งถึงจุดเกิดเหตุคู่กรณีปาดหน้าในระยะกระชั้นชิดจนเกิดการเฉี่ยวชน




จากนั้นคู่กรณีเดินมาที่รถของตนแล้วใช้หมวกกันน็อกฟาดเข้ามาที่ศีรษะตนอย่างเเรงจนเเตก เเละยังชกเข้าที่หัวอีกหลายครั้ง ตนจึงเอื้อมมือไปหยิบไขควงหน้ารถเพื่อใช้ป้องกันตัว พอคุ่กรณีหยุดตนจึงลงจากรถเพื่อเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้น เเต่กลับถูกคู่กรณีใช้หมวกกันน็อคฟาดแบบไม่ยั้งตามที่ปรากฎในคลิป ส่วนไขควงที่อยู่ในมือยังไม่ได้ใช้ เเละไม่รู้ตัวว่าหลุดมือตอนไหน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นลุงมีบาดเเผลตามร่างกาย ประกอบด้วย ศีรษะแตกต้องเย็บ 2 เข็ม, หน้าผากแตกเย็บ 3 เข็ม, ข้อศอกขวาแตก เย็บ 4 เข็ม, เเขนทั้งสองข้างถลอกบวมช้ำ, หน้าตาบวมปูด และตอนนี้ยังมีอาการปวดชายโครงด้านขวา ทั้งนี้คิดว่าคู่กรณีทำรุนเเรงเกินไป ส่วนในเรื่องการให้อภัยก็อยู่ที่คู่กรณีว่าจะทำอย่างไร แต่คงต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย



ที่สำคัญ คือ ตอนนี้ตนต้องขาดรายได้ ไหนจะส่งค่าเช่าบ้านเดือนละ 2,000 บาท รวมถึงค่าเช่ารถอีกวันวันละ 400 บาท เนื่อง จากตนต้องนอนพักรักษาตัวไม่สามารถขับรถแท็กซี่ได้ อย่างไรก็ตามวางเเผนไว้ว่า จะนำเงินเยียวยาที่ได้จากรัฐบาล 5,000 บาท และเงินเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 700 บาทมาใช้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นก่อน

ในเวลาต่อมา หนุ่มขี่รถจักรยายนต์คู่กรณีลุงขับรถแท้กซี่ เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหลังจากให้ปากคำเสร็จสิ้นผู้สื่อข่าวได้กรูกันเข้าไปสอบถามคนขี่รถจักรยานยนต์วึ่งไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แต่กลับวิ่งหนีผู้สื่อข่าวออกจากโรงพักไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมึนงงของผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมาก