อภิปราย พ.ร.ก. วันที่ 2 "หมอสุรวิทย์"ซัดกู้เงินขาดยุทธศาสตร์ หวั่นเป็นเบี้ยหัวแตก ด้าน “โสภณ” ชี้งบประมาณด้านสาธารณสุขน้อยเกินไป ควรเพิ่มค่าตอบแทน อสม. ขณะที่ “รังสิมา” ห่วงตัวเขมือบ วอนนายกฯจัดการ หนุนตั้ง กมธ.ตรวจสอบการใช้เงินโครงการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 2 เพื่อพิจารณา พ.ร.ก. 4 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ร.ก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ร.ก. การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 และ พ.ร.ก. ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2563
นายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย (พท.) อดีต รมช.สาธารณสุข อภิปรายคนแรกว่า ขอชมเชยคนไทยทั้งประเทศที่ให้ความร่วมมือกันอย่างดีในการควบคุมโควิด-19 แต่เป็นนโยบายที่เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล โดยเฉพาะกลไกทางเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลปล่อยให้มีกิจกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างการชกมวย ทำให้เกิดการแพร่ระบาดและกระจายออกไปทั่วประเทศ รัฐบาลหละหลวมในช่วงแรก อีกทั้งยังปล่อยให้อุปกรณ์ทางการแพทย์ขาดแคลน จนกระทั่งการปิดกิจการและกิจกรรมต่างๆ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้เสนอยุทธการ 21 วันสยบโควิด คือการปิดไม่ให้ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาอย่างเด็ดขาดและเปิดปฏิบัติการค้นหาผู้ติดเชื้อในประเทศแบบปูพรมนำผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเข้าสู่ระบบ จะทำให้เรื่องต่างๆ จบเร็ว คนป่วยน้อยตายน้อย โรงพยาบาลรับมือได้ เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติ ทั้งที่ผู้นำประเทศต้องมีวิสัยทัศน์ในการแก้ไขปัญหา ต้องสร้างสมดุลระหว่างมาตรการทางการแพทย์และมาตรการทางเศรษฐกิจ
ส่วนที่รัฐบาลกู้เงินนั้น นายสุรวิทย์ อภิปรายว่า เป็นการกู้เงินที่ขาดยุทธศาสตร์การทำงาน เพราะเพิ่งจะมีการสอบถามผู้บริหารที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ว่า ต้องการและขาดเหลืออะไร ซึ่งการดำเนินการเช่นนี้จะทำให้เป็นเบี้ยหัวแตก ดังนั้นขอให้รัฐบาลทุ่มงบประมาณและบริหารจัดการเพื่อยกระดับการสาธารณสุขของไทยให้เป็นระดับโลกและขอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันทีเพราะไม่มีเหตุผลที่จะคงไว้แต่ควรบังคับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อแทน
ด้านนายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) อภิปรายว่า ขอบคุณบุคลากรด้านสาธารสุขและมาตรการที่ออกมา ส่วน พ.ร.ก.ทั้ง 3 ฉบับ สภาฯ ไม่สามารถปรับลดเม็ดเงินได้ แต่สามารถแนะนำการใช้งบประมาณ สำหรับ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท งบประมาณแก้ไขปัญหาการระบาด ไม่เกิน 45,000 ล้านบาท น้อยเกินไป และควรเพิ่มงบค่าตอบแทนให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ส่วนการเยียวยาก็ขอให้สำรวจกรณีตกหล่นไม่ได้รับการเยียวยา เพราะเข้าไม่ถึงระบบออนไลน์ ให้ได้รับการเยียวยาทุกกลุ่ม
ขณะที่ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายในฐานะพยาบาลเก่า กล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ให้ความสำคัญบรรจุเพิ่มอัตราพยาบาล ชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่เชื่อฟังแพทย์และพยาบาล จนทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศมีความเชื่อถือนับถือศรัทธาในวิชาชีพสาธารณสุขซึ่งเป็นที่ชื่นชมของคนต่างชาติ รวมถึงให้ขวัญกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ แต่ฝากให้ รมว. และ รมช. สาธารณสุข ดูกรณีตกหล่นที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือบรรจุตำแหน่ง เพราะการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานเป็นทีม จึงจะประสบผลสำเร็จ ส่วน อสม. ทำงานเป็นที่ชื่นชม ทำให้โรคไม่กระจายไปมากกว่านี้ ประชาชนเจ็บป่วยน้อยลง จึงเห็นด้วยที่จะมีเงินโบนัส ให้กำลังใจทำหน้าที่ต่อไป
น.ส.รังสิมา กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้รัฐบาลเอาเงินกู้ไปทำในสิ่งที่ไม่เกิดผลหรือนอกวัตถุประสงค์ จึงอยากให้ใช้ประโยชน์สูงสุด เช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งตนประสานของบประมาณทางการแพทย์ก็ไม่มีให้ อยากให้ไปดูแต่ละโรงพยาบาล ไม่ใช่เฉพาะ จ.สมุทรสงคราม สิ่งไหนขาดต้องมีการดูแล และมองว่าการช่วยเหลือของรัฐบาลยังตกหล่นเยอะ คนที่เข้าไม่ถึงระบบออนไลน์ ไม่มีโทรศัพท์ ต้องเก็บตกให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึง จึงจะไม่ถูกประชาชนด่า รวมถึงดูแลคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ร้องเรียนมาว่าเงินหมด ไม่สามารถกลับประเทศได้เพราะมีคิวอยู่หลายพันคน จึงขอให้เพิ่มจำนวนคนกลับประเทศให้มากขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะกรณีเจ็บป่วยกินยารักษาต่อเนื่อง ก็ให้เอากลับมาก่อน
น.ส.รังสิมา กล่าวว่า โดยรวมเห็นด้วยกับการกู้เงิน แต่ไม่เห็นด้วยกับการมีตัวเขมือบโครงการ เช่น ซื้อของแพง เอาวิกฤตเป็นโอกาสของนักการเมืองขี้โกง ขอให้มีอันเป็นไป แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำงานช้ามากไม่ทันใจรังสิมา เงินกู้มหาศาล ตัวเขมือบจะเข้ามาเยอะ อยากให้นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังกับตัวเขมือบทั้งหลายให้หมดไป ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ไม่ต้องเกรงใจ และควรตั้งคณะกรรมาธิการมาตรวจสอบการใช้เงินโครงการต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน