เร่งรวบรวมหลักฐานกว่า 100 ชิ้น ดำเนินคดีฆ่าเผาสองศพ

2020-05-27 12:20:50

เร่งรวบรวมหลักฐานกว่า 100 ชิ้น ดำเนินคดีฆ่าเผาสองศพ

Advertisement

ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ เร่งรวบรวมหลักฐานกว่า 100 ชิ้น ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาฆ่าเผาสองศพ เผยหลักฐานสำคัญอาวุธปืน เขม่าดินปืนและหัวกระสุนรวมทั้งดีเอ็นเอรอยเลือดมัดตัวดิ้นไม่หลุด เตรียมส่งฝากขังในวันพรุ่งนี้ ส่วนภรรยาที่อ้างว่าถูกข่มขืนจนเสียสติถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชสงขลาราชนครินทร์ ในขณะที่ศพของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนญาติยังรับกลับไปบำเพ็ญกุศลไม่ได้ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอยืนยันทางกฎหมายก่อน

ความคืบหน้าคดีฆ่าเผา 2 ศพทิ้งบริเวณชายป่าข้างบ่อขยะเทศบาลนครหาดใหญ่ หมู่ 3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายที่ก่อเหตุได้แล้วคือ นายวิรัตน์ อายุ 35 ปี ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าถูกกลุ่มผู้ตายรุมข่มขืนภรรยาจนเสียสติ

ล่าสุดวันนี้ 27 พ.ค. นายวิรัตน์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่ห้องขัง สภ.หาดใหญ่ แต่ยังไม่มีญาติมาเยี่ยมหรือติดต่อขอประกันตัวแต่อย่างใด โดยวิรัตน์ ยังคงมีท่าทีที่เรียบเฉยไม่ได้เครียด




ส่วนในทางคดี ทางพนักงานสอบสวนสภ.หาดใหญ่ จะทำการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดซึ่งมีกว่า 100 ชิ้น ที่เก็บได้จากจุดที่พบศพและที่บ้านของผู้ต้องหา เพื่อนำมาประกอบคดี ก่อนที่จะนำตัวนายวิรัตน์ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสงขลาในวันที่ 28 พ.ค.

สำหรับหลักฐานสำคัญที่จะใช้มัดตัวนายวิรัตน์ มีทั้งวัตถุพยานโดยเฉพาะอาวุธปืน เขม่าดินปืนที่ติดตัวและผลตรวจหัวกระสุนในตัวของผู้ตาย รวมทั้งดีเอ็นเอจากคราบเลือดที่บ้านของนายวิรัตน์และคราบเลือดที่ศพถูกนำไปเผาหากผลออกมาตรงกันก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้



ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาให้การว่าสาเหตุที่ต้องฆ่าแล้วเผาเพราะแค้นที่ถูกกลุ่มผู้ตายรุมข่มขืนภรรยาจนเสียสตินั้นเป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหาที่จะพูดอะไรก็ไม่ใช่สาระสำคัญทางคดี เพราะจากการสอบสวนภรรยาของนายวิรัตน์ ซึ่งมีชื่อเล่นว่าโอ๋ เป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะที่ จ.พัทลุง และเพิ่งมาคบหากันได้ประมาณ5เดือนไปๆมาๆที่บ้านไม่ได้อยู่ประจำ และมีพฤติกรรมในทางชู้สาวกับเพื่อนกลุ่มเดียวกันของนายวิรัตน์ หลายคน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ส่ง น.ส.โอ๋ ไปรักษาที่ รพ.จิตเวชสงขลาราชนครินร์เพื่อรักษาอาการทางจิตประสาทแต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าสาเหตุที่เสียสติมาจากถูกรุมข่มขืนหรือไม่

ในขณะที่ศพของผู้เสียชีวิตทั้งสองคนนั้นขณะนี้ญาติยังไม่สามารถรับกลับไปบำเพ็ญกุศลได้เพราะต้องรอผลดีเอ็นเอยืนยันในทางกฎหมายก่อนว่า ใช่ศพของทั้งสองคนจริงถึงจะให้ญาตินำกลับไปได้