สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ทั่วโลกล่าสุดวันนี้ มีผู้ติดเชื้อแล้วเกือบ 5.6 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 348,000 คน จากข้อมูลของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงสถิติ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ในสหรัฐ โดยยุโรปมีผู้เสียชีวิตประมาณ 170,000 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตในสหรัฐขยับเข้าใกล้ 100,000 คนแล้วในระยะเวลาไม่ถึง 4 เดือน มากกว่าจำนวนของชาวอเมริกันที่เสียชีวิตในสงครามเวียดนามและเกาหลีรวมกัน แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงทั่วโลกเชื่อว่า น่าจะสูงกว่านี้มาก ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มีเหยื่อจำนวนมากเสียชีวิตจากไวรัสโดยที่ยังไม่ได้มีการตรวจหาเชื้อ
ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปรียบเทียบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ต่างจากไข้หวัด และไม่ได้แสดงความวิตกทุกข์ร้อนว่า มันจะนำไปสู่การเสียชีวิตมากมายขนาดนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในรัฐบาลของเขา กล่าวเตือนหลายครั้งว่า สหรัฐอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สูงถึง 240,000 คน โดยในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นรัฐที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในสหรัฐ นายแอนดรูว์ โคโอโม ผู้ว่าการรัฐ รายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อยู่ที่ 73 คน เป็นสถิติต่ำสุดในรอบหลายเดือน และลดลงจากระดับสูงสุดที่มีผู้เสียชีวิตเกือบ 800 คนต่อวัน ซึ่งเขาบอกว่าถือเป็นข่าวดี
ในอิตาลี ซึ่งสถานการณ์การระบาดของไวรัส กำลังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้เสียชีวิตก็สูงเกือบ 33,000 คน โบราณสถานที่ปอมเปอี (Pompeii) ซากนครโรมันโบราณ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอีกครั้งตั้งแต่เมื่อวานนี้ (อังคาร) ส่วนสนามกีฬาโบราณ “โคลอสเซียม” ในกรุงโรม เมืองหลวงอิตาลี หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ก็จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัส ด้วยการลดจำนวนผู้เช้าชมและซื้อตั๋วเข้าชมได้ทางออนไลน์เท่านั้น
องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (WHO) แถลงว่า โลกเพิ่งอยู่ในระยะแรกของการระบาดเท่านั้น ซึ่งเป็นการความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารของ WHO กล่าวว่า ขณะนี้ เรายังไม่ได้อยู่ในช่วงการระบาดรอบ 2 จริง ๆ แล้ว เรายังอยู่ในช่วงกลางของการระบาดระยะแรกเท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกล โดยชี้ให้เห็นการระบาดในอเมริกาใต้, เอเชียใต้และอีกหลายพื้นที่ของโลก ที่ยังมีการระบาดรุนแรง
ในอินเดีย ซึ่งมีประชากรมากกว่า 1.3 พันล้านคน พบการติดเชื้อสูงสุดในวันเดียวเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน โดยเมื่อวันอังคารมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,535 คน รวมทั่วประเทศเป็นมากกว่า 150,000 คน และเสียชีวิตมากกว่า 4,300 คนแล้ว
สำหรับในบราซิล ซึ่งประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำประเทศ ขัดแย้งอย่างรุนแรงกับบรรดาผู้นำรัฐและท้องถิ่น ในการบังคับใช้มาตรการพักอยู่ที่บ้าน หรือ stay-at-home ซึ่งเขาไม่เห็นด้วยและสนับสนุนให้เปิดเศรษฐกิจโดยเร็ว แต่ WHO ก็เตือนว่า ก่อนที่จะเปิดเศรษฐกิจของประเทศ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจหาเชื้ออย่างมากพอเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส บราซิลมีผู้ติดเชื้อแล้ว 375,000 คน ซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐที่มีผู้ติดเชื้อกว่า 1.6 ล้านคน และบราซิลมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 23,000 คน แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
ดร.ไรอัน กล่าวว่า เพราะอัตราการระบาดในบราซิลยังรุนแรง บราซิลจึงควรบังคับใช้มาตรการ stay-at-home ต่อไป แม้ว่ามันจะทำให้เศรษฐกิจเสียหายอย่างหนักก็ตาม คุณต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้ เพื่อรักษาชีวิตประชาชน
ส่วนคำสั่งห้ามชาวต่างชาติเดินทางจากบราซิลเข้าสหรัฐนั้น ก็มีผลบังคับไปแล้วเมื่อวานนี้ (วันอังคาร)
ในยุโรป ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่า พิธีสวนสนามของกองทัพที่ถูกเลื่อนออกไป เพื่อรำลึก 75 ปีวันแห่งชัยชนะ หรือ Victory Day เหนือกองทัพนาซีเยอรมนี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งวัน Victory Day กลายเป็นวันหยุดสำคัญที่สุดในรัสเซีย ปกติจะจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางทหารที่บริเวณจัตุรัสแดง (Red Square) ประธานาธิบดีปูติน ระบุว่า รัสเซียผ่านช่วงเวลาการระบาดของโควิด-19 ระดับสูงสุดไปแล้ว
รัสเซียมีผู้เสียชีวิตรายวันเมื่อวันอังคาร อยู่ที่ 174 คน รวมทั่วประเทศเป็นมากกว่า 3,800 คน และผู้ติดเชื้อมากกว่า 362,000 คน สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 9,000 คน
ขณะเดียวกัน WHO ก็แถลงเมื่อวันอังคารว่า ทวีปอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางการระบาดแห่งใหม่ของโควิด-19 ไปแล้ว ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งจากสถาบัน Institute for Health Metrics and Evaluation หรือ IHME ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน คาดการณ์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิต ซึ่งกำลังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในบราซิลและประเทศลาตินอเมริกาอื่น ๆ จะยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องตลอดเดือนสิงหาคม
แคริสสา เอเทียนเน ผู้อำนวยการของ WHO ประจำทวีปอเมริกาและเป็นผู้อำนวยการขององค์การสาธารณสุขแพนอเมริกา กล่าวระหว่างประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ประเทศต่าง ๆ จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์โดยจนถึงขณะนี้ ทวีปอเมริกามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วมากกว่า 2.4 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 143,000 คน จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน แซงหน้ายุโรปและสหรัฐไปแล้ว พร้อมเตือนด้วยว่า ภูมิภาคนี้ยังต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมากต่อเนื่องอีกหลายสัปดาห์รออยู่ข้างหน้า และเฉพาะบราซิลยังอีกยาวไกลกว่าการระบาดของไวรัสจะสิ้นสุดลง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของ WHO ยังวิตกกังวลกับการระบาดที่กำลังรุนแรงในเปรู, ชิลี, เอลซัลวาดอร์, กัวเตมาลาและนิการากัวด้วย
อัตราการเสียชีวิตรายวันของบราซิล สูงที่สุดในโลกเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผลการศึกษา ไอเอชเอ็มอี เตือนว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในบราซิล จะเพิ่มขึ้น 5 เท่า เป็น 125,000 คน เมื่อถึงต้นเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลปัจจุบัน ยังคาดการณ์ด้วยว่า ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในเปรู ก็จะพุ่งเป็นเกือบ 20,000 คนภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเตียงผู้ป่วยในห้องไอซียู จะไม่เพียงพอต่อความต้องการ
โมเดล แบบจำลองการคาดการณ์ล่าสุดของไอเอชเอ็มอี พบว่า ผู้เสียชีวิตในชิลีจะพุ่งสูงขึ้นเป็นเกือบ 12,000 คน, 7,000 คนในเม็กซิโก, 6,000 คนในเอกวาดอร์, 5,500 คน ในอาร์เจนตินา และ 4,500 คนในโคลอมเบียภายในเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตาม มีประเทศเดียวในภูมิภาคที่ต่อสู้กับโควิด-19 ได้ดี คือคิวบา ซึ่งไอเอชเอ็มอี คาดการณ์ว่า จะมีผู้เสียชีวิตเพียง 82 คนภายในเดือนสิงหาคม เพราะมีการตรวจหาเชื้อในวงกว้างต่อเนื่อง