"ธนาธร" ชวนติดตามอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน

2020-05-26 18:45:16

"ธนาธร" ชวนติดตามอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน

Advertisement

"ธนาธร" ชวนติดตามอภิปราย 3 พ.ร.ก.กู้เงิน ชี้รายละเอียดน้อยยิ่งต้องตรวจสอบเข้มข้น  เชื่อ ส.ส.ก้าวไกล จะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แกนนำคณะก้าวหน้า เผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านเฟชบุ๊ก เชิญชวนประชาชนติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องสำคัญ คือ พ.ร.ก.เกี่ยวกับการใช้เงินถึง 3 ฉบับ ได้แก่ 1. พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 พ.ศ.2563  2. พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 และ 3. พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีการอภิปรายกฎหมายทั้ง 3 ฉบับระหว่างวันที่ 27-31 พ.ค. นี้

นายธนาธร กล่าวว่า เนื้อหาและความสำคัญของ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ที่จะอภิปรายและขอมติในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ ที่ตราขึ้นในรูปแบบ พ.ร.ก.นั้น ให้รัฐบาลกระทำการใช้เงินได้ก่อนเนื่องจากมีความเร่งด่วนของปัญหา ก่อนที่ขออำนาจสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติในภายหลัง โดยทั้ง 3 ฉบับนี้ วงเงินรวมกัน 1.9 ล้านล้านบาท นี่คือการใช้เงินของรัฐที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงสำคัญกับอนาคตของประเทศ ถ้าใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบสนองความต้องการประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย มีการทุจริตคอรัปชั่น ในอนาคตลูกหลานของเราก็จะต้องมาเป็นผู้ใช้คืน ตรงกันข้ามถ้าใช้อย่างดี มีการตรวจสอบที่เข้มแข็ง ไม่ทุจริต ไม่เอาไปช่วยเหลือเจ้าสัวรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศและพาประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ ดังนั้น เป็นความจำเป็นของประชาชน ของ ส.ส.ที่ประชาชนเลือกเข้ามาเป็นผู้แทน ที่จะต้องทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ ตรวจสอบ เสนอแนะ ทำให้การใช้เงินในครั้งนี้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

นายธนาธร กล่าวว่า พ.ร.ก. ฉบับแรก รายละเอียดคือ ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท เนื้อหาใน พ.ร.ก.ฉบับนี้คือแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน ก้อนแรกจำนวน 45,000 ล้านบาท นำไปเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุข ก้อนที่สองจำนวน 550,000 ล้านบาท นำไปเยียวยาพี่น้องประชาชน ก้อนที่สามจำนวน 400,000 ล้านบาท นำไปฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม พ.ร.ก.ฉบับที่สอง คือ ปล่อยกู้ให้ SMEs วงเงิน 5 แสนล้านบาท เนื้อหาใน พ.ร.ก.ฉบับนี้คือเพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับธุรกิจ SMEs โดยไม่ล้มละลาย ไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยให้กู้กับธนาคารพาณิชย์หรือจะให้กู้ในรูปแบบการซื้อตั๋วเงิน ในอัตราดอกเบี้ย 0.01 % ต่อปี แล้วธนาคารพาณิชย์นำไปปล่อยกู้ให้ธุรกิจ SMEs ในอัตราดอกเบี้ย 2 % ต่อปี ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าข่ายจะได้รับสิทธิในกฎหมายฉบับนี้ คือจะต้องมีวงเงินสินเชื่ออยู่กับธนาคารพาณิชย์ไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ.วันที่ 31 ธันวาคม 2562 สามารถเข้าไปขอกู้ได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของวงเงินที่คงค้างอยู่กับธนาคาร ทั้งนี้ใน 6 เดือนแรกยังไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย โดยธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะเป็นผู้รับดอกเบี้ยนั้นไว้  และสุดท้าย พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพการเงิน วงเงิน 4 แสนล้านบาท เนื้อหาใน พ.ร.ก.ฉบับนี้ จะมีกองทุนใหม่ตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อหุ้นกู้หรือตราสารหนี้ของบริษัทเอกชน กองทุนมีความใหญ่โต 4 แสนล้านบาทจะใช้โดยคณะกรรมการลงทุน ที่ถูกตั้งมาโดยกฎหมายนี้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้คณะกรรมการลงทุนจะซื้อหุ้นกู้หรือตราสารหนี้ของบริษัทเอกชนอันใดต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ ประการแรกเป็นหนี้ใหม่ที่ตราขึ้นมาเพื่อไถ่ถ้อนหนี้เดิมที่ครบกำหนดเท่านั้น ประการที่สอง ต้องเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยเท่านั้น ประการที่สาม กองทุนนี้ไม่สามารถซื้อหุ้นกู้ได้เกิน 20 % ของมูลค่าหุ้นกู้ชุดนั้นที่ออกมาทั้งหมด และประการสุดท้ายหุ้นกู้ที่ออกมาต้องมีความน่าเชื่อถือใน "ระดับที่ลงทุนได้" ที่รับประกันโดยบริษัทที่จัดอันดับความน่าเชื่อถือ หรือที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับรองเท่านั้น

นายธนาธร ยังได้ยกตัวอย่าง พ.ร.ก.ฉบับหนึ่ง คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงิน 1 ล้านล้านบาท โดยระบุว่า มีเอกสาร 7 หน้า จำนวน 148 บรรทัด 10,375 ตัวอักษร ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนเงินกู้ เฉลี่ยหน้าละ 1.4 แสนล้านล้านบาท หรือบรรทัดละ 6,800 ล้านบาท หรือตัวอักษรละ 96 ล้าน ทั้งนี้ จะเห็นว่า เอกสารที่แนบมา หรือตัว พ.ร.ก. เอง มีรายละเอียดน้อยมากกับเม็ดเงินที่ใช้ ดังนั้น เป็นหน้าที่ประชาชน เป็นหน้าที่ตัวแทนประชาชน ซึ่งก็คือ ส.ส.ในสภาฯที่จะตรวจสอบ ให้ข้อเสนอแนะ วิพากษ์วิจารณ์ทั้งเนื้อหาและกระบวนการการใช้เงินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน อยากให้พวกเราติดตามการอภิปรายของ ส.ส. ในสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานผม เชื่อว่าจะทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างสมเกียรติของการเป็นผู้แทนอย่างที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยทำได้มาแล้วในนามของพรรคอนาคตใหม่ มาช่วยให้กำลังใจพวกเขาด้วยกัน มาร่วมกันตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์ และเสนอแนะการใช้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน เพื่อให้เงินก้อนนี้เป็นประโยชน์กับประเทศไทย และพาประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นแล้ว เงินก้อนนี้จะเป็นภาระไปชั่วลูกชั่วหลาน