องค์การอนามัยโลกมอบรางวัลวันงดสูบบุหรี่โลกให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผลจากการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า บารากู่อย่างจริงจังมาตลอด 6 ปี
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ดร.แดเนียล เคอร์เทสซ์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นำคณะเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก เข้าพบ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ในโอกาสที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับการเสนอชื่อรับรางวัล World No Tobacco Day Awards 2020 จากองค์การอนามัยโลก
นายเทวัญ ได้กล่าวขอบคุณองค์การอนามัยโลกที่ได้มอบรางวัลวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day Awards 2020) ให้แก่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยประเทศไทยได้มีโครงการรณรงค์เพื่อลดการสูบบุหรี่มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 ปี ซึ่งพฤติกรรมการใช้ยาสูบเองก็มีการปรับตัวน้อยลงไปด้วย รวมถึงการปราบปรามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและบารากู่อย่างจริงจัง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โดยมีคณะทำงานของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ประสานความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามและจับกุมผู้ลักลอบขาย และได้มีประกาศห้ามให้บริการบุหรี่ไฟฟ้าและบารากู่มาตั้งแต่ปี 2558 จวบจนปัจจุบัน อีกทั้งได้สร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนถึงโทษของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและบารากู่มาโดยตลอด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2530 องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 31 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันงดสูบบุหรี่โลก เพื่อสร้างความตระหนักในพิษภัยของยาสูบ พฤติกรรมของกลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบ ในแต่ละปีองค์การอนามัยโลกจะจัดกิจกรรมและกำหนดหัวข้อที่ใช้ในการรณรงค์ ซึ่งในปี 2563 มีหัวข้อว่า “ปกป้องเยาวชนมิให้ตกเป็นทาสอุตสาหกรรมยาสูบและป้องกันไม่ให้บริโภคยาสูบและนิโคติน” (Protection youth from industry manipulation and preventing them from tobacco and nicotine use) และมีการมอบรางวัลยกย่องบุคคลและองค์กรที่มีผลงานด้านการควบคุมยาสูบเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีบุคคล หน่วยงานราชการ และภาคประชาสังคมของไทยได้รับรางวัลนี้ เช่น กรมควบคุมโรค กรมสรรพสามิต สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งในปีนี้องค์การอนามัยโลกได้มอบรางวัลวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day Awards 2020) ให้แก่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จากภารกิจการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง