แพทย์สรุปอาการ "น้องอิ่มบุญ"คล้ายผู้ป่วยดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ (คลิป)

2020-05-25 17:00:08

แพทย์สรุปอาการ "น้องอิ่มบุญ"คล้ายผู้ป่วยดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ (คลิป)

Advertisement

แพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์แถลงอาการป่วย "น้องอิ่มบุญ" ลักษณะเดียวกับพี่สาว "น้องอมยิ้ม" ที่เสียชีวิตไปแล้ว สรุปแผลที่ระบบทางเดินทางเดินอาหารของเด็กทั้งคู่คล้ายกับผู้ป่วยดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีสารกัดกร่อน 

จากกรณีเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม "แม่ปุ๊ก" วัย 29 ปี มีพฤติกรรมต้องสงสัยวางยาลูกบุญธรรม "ด.ญ.อมยิ้ม" จนเสียชีวิต ขณะเดียวกันจากการตรวจร่างกายลูกชาย "ด.ช.อิ่มบุญ" ยังพบสารเคมี ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ไม่มีรส อยู่ในร่างกาย ขณะที่แม่ปุ๊กได้ขอรับเงินบริจาคผ่านเฟซบุ๊ก ได้เงินจำนวนหลายล้านบาท ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่า "น้องอิ่มบุญ" อาจจะไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊กเช่นกัน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจดีเอ็นเอ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ พร้อมด้วย ดร.ขนิษฐา บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีของ "น้องอมยิ้ม" และ "น้องอิ่มบุญ" ที่เข้ามารักษาอาการป่วยที่ รพ. ว่า น้องอิ่มบุญ มา รพ. ครั้งแรก เข้ารักษาตัววันที่ 13 -23 ม.ค.2563 ในหอผู้ป่วยพิเศษ อาการที่น้องมาด้วยอาการอาเจียนเป็นเลือดจากการซักประวัติแม่ปุ๊ก คือเมื่อ 10 วันก่อน น้องมีการการอาเจียนเป็นเลือด หลังจากกินปลาหมึกย่าง จึงต้องเข้ารักษาที่ รพ.เอกชนแห่งใน จ.อุบลราชธานี เมื่อน้องเข้ามา ก็ซักประวัติ ตรวจเพิ่มเติม และส่องกล้องหาสาเหตุที่อาเจียนออกมาเป็นเลือดสีดำ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร พบมีการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร  น้องได้รับการรักจนอาการดีขึ้น สามารถรับประทานอาการได้ และอาการดีขึ้น จนกระทั่งวันที่ 23 ม.ค. 2563 มีอาการทรุดในลักษณะที่คล้ายเดิม คือ ปวดท้องกะทันหัน อาเจียนเป็นเลือด ปากบวม อุจจาระเหลวสีดำ ซึ่งถือว่าวิกฤต จนต้องย้ายน้องเข้ามารักษาอาการที่ห้องไอซียู จากนั้นทำการส่องกล้องซ้ำที่กระเพาะอาหาร มีแผลอักเสบรุนแรง ซึ่งครั้งนี้ทำให้ทางทีมแพทย์เริ่มสงสัยว่าร่างกายของน้อง น่าจะได้รับสารกัดกร่อน

ทีมแพทย์รักษาอีก ในวันที่ 23 ม.ค.2563  จนถึงต้นเดือน เม.ย. น้องออกจากห้องไอซียู กลับมารักษาที่หอผู้ป่วยพิเศษ ซึ่งน้องสามารถรับอาหารจากบุคคลภายนอกที่เข้ามาเยี่ยม และทางญาติก็สามารถเข้ามาเยี่ยมได้ตามปกติ และเมื่อออกมาได้ไม่นาน อาการของน้องก็ทรุดและดี สลับกัน ทางทีมแพทย์จึงเริ่มสงสัยอาการที่ไม่สอดคล้องกับการรักษา จึงเริ่มจำกัดการเข้าเยี่ยม ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง โดยไม่อนุญาตให้นำอาหารเข้ามาเยี่ยม และเวลาที่แม่ปุ๊กเข้าเยี่ยม ก็จะมีทีมแพทย์คอยอยู่ด้วยตลอดเวลา

กระทั่งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2563 น้องอาการดีขึ้น กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ทางทีมแพทย์แจ้งกับทางแม่ปุ๊กว่าให้น้องนั้นอยู่ที่โรงพยาบาลไว้ก่อน เพื่อประวิงเวลา ขณะที่หมออีกทีมหนึ่งก็ไปประสานกับทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  เพื่อให้มารับตัวน้องอิ่มบุญ ในวันที่ 18 พ.ค.2563 โดยอาการของน้องอิ่มหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ก็จะมีภาวะแทรกซ้อน มีลอยผนังทะลุข้างลำคอ รอให้แผลค่อยๆหาย และน้องมีอาการเสียงแหบ เหนื่อยง่ายเวลาเล่นเพราะมีการอักเสบทางปอด ซึ่งอาการล่าสุดของน้องอิ่มตอนนี้ยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยม แต่หลังจากนี้ จะมีการผ่าตัดที่คอเพื่อรักษา ทั้งนี้ที่ผ่านมาในระหว่างที่รักษาตัวน้องอิ่มนั้น แม่ปุ๊กนั้นจะคอยดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และเป็นคนที่ป้อนอาหารน้องเกือบทุกครั้ง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยเด็ก และอยู่ในห้องพิษด้วย

ส่วนการตั้งข้อสังเกตของทีมแพทย์นั้น ทางแพทย์รู้สึกว่า ถ้าเป็นการแพ้อาการเมื่อไม่ได้รับเชื้อนั้นแล้ว อาการก็จะทุเบาลงและหายไป ปรากฎหว่า กรณีของเด็กทั้ง 2 คนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้รับอาหารชนิดนั้นแล้ว อาการก็ยังคงทรุดอยู่ ทำให้ทีมแพทย์คาดว่า น่าจะเกิดอาการแพ้สารเคมีบางชนิดที่ไม่ใช่อาหาร ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งเกิดขึ้นเฉพาะจุดของร่างกาย ซึ่งเป็นที่ระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปาก ไปจนถึง กระเพาะอาการ

ในส่วนของ ด.ญ.อมยิ้ม น้องเข้ามารักษาตัวที่ รพ.ในวันที่ 20 ธ.ค. 2561 รักษากันอยู่ประมาณ 8 เดือน ก่อนที่จะเสียชีวิตในวันที่ 12 ส.ค. 2562 โดยมีการเข้าออกจากโรงพยาบาล 7 ครั้ง ซึ่งมีอาการคล้ายกันกับ น้องอิ่ม โดยน้องอมยิ้มมีอาการเลือดออกจากทางเดินอาหาร จึงต้องส่องกล้อง พบว่ามีอาการอักเสบตามเยื่อบุต่างๆซ้ำไปซ้ำมา และมีความดันโลหิตสูงมาก และต่อมาน้องเสียชีวิตด้วย ภาวะตับและไตวาย ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่ได้รับ ภาวะแทรกซ้อนหลายโรคและต้องรักษาตามอาการโดยการให้ยา

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กรณีของผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ ที่มีสารกัดกร่อน จะมีลักษณะแผลใกล้เคียงแผลของน้องทั้งสองคน แต่อย่างไรก็ตาม อาการของน้องอิ่มและน้องยิ้มนั้น ทางทีมแพทย์ไม่เคยเจอ ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลของน้องทั้งสองคน เป็นการรักษาตามสิทธิ์ของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช. ) กองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยเด็ก และ กองทุนสังคมสงเคราะห์ของ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โดยค่าใช้จ่ายของน้องอมยิ้มทั้งหมด อยู่ที่ประมาณเกือบ 5 แสนบาท ส่วนของน้องอิ่มบุญ ค่าใช้จ่ายเกือบ 2 แสนบาท โดยทั้งสองคนนี้ มีค่าส่วนต่างอยู่ที่หลักพันบาทเท่านั้น

ส่วนสารเคมีที่เด็กทั้งสองคนได้รับ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ จึงอยากจะให้รอผลทางชัดเจน จากพนักงานสอบสวน เนื่องจากหลายประเด็นมีผลกระทบต่อรูปคดี