ระบาดรอบสองอย่ามองข้าม ความกลัวเจือจางระยะห่างถูกลืม

2020-05-24 22:15:30

ระบาดรอบสองอย่ามองข้าม   ความกลัวเจือจางระยะห่างถูกลืม

Advertisement





รายงานสถานการณ์โควิด-19 วันที่24พ.ค.63 ไม่พบติดเชื้อรายใหม่ สถิติเป็นศูนย์อีกครั้ง






จำนวนสะสมคง 3,040 ราย รักษาหายอีก 5 ยอดรวมผู้ป่วยกลับบ้านเป็น 2,921 รายหรือ 96.08% ของทั้งหมด ยังอยู่ในโรงพยาบาล 63 รายหรือเพียง 2.07%




พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล รองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019(ศบค.) แจกแจงว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง10 รายต่อวัน เป็นการติดจากการสัมผัส ใกล้ชิด และมีประวัติเดินทางไปในสถานที่ชุมชน แสดงถึงความประมาทในการป้องกันตนเอง


การสัมผัสใกล้ชิด การอยู่ในสถานที่แออัด เป็นความเสี่ยงที่อาจติดโควิด-19 ได้



คุณหมอย้ำว่า การรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร การสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า การล้างมือบ่อย ๆ มีความสำคัญ เป็นเกราะป้องกันตนเองจากเชื้อโรค จึงขอให้ร่วมมือ ร่วมใจ “การ์ดอย่าตก” และปฏิบัติต่อเนื่องให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน


คิดแบบบ้านๆ บางทีก็ขัดใจ ที่คุณหมอทั้งหลายเที่ยวชี้นำให้ห่วงโน่น ระวังนี่ อันนี้เสี่ยง ไปทางนั้นเดี๋ยวเชื้อแพร่กระจาย

ทั้ง ๆ ที่อัตราการติดเชื้อก็ลดลง ผู้ป่วยในโรงพยาบาลก็เหลือไม่กี่ราย การวิจัยวัคซีนก็มีอนาคตความสำเร็จอีกไม่ไกลนัก




แต่ก็ต้องยอมรับว่า การที่คุณหมอและบุคลากรด้านสาธารณสุขใส่ใจกับรายละเอียด มีหลักเกณฑ์ยิบถึงขั้นจะตัดผมก็ห้ามโกนหนวด ไม่ให้ใครเอามือมาโดนหน้า จะซื้อขนมจีบ สั่งข้าวผัดไมโครเวฟ ก็ต้องเช็กอิน เช็กเอาต์ ไม่สวมหน้ากากห้ามเข้า ก็เพราะการเผลอพลาดนิดเดียว อาจติดเชื้อและเป็นตัวแพร่กระจายได้




ตัวอย่างหมาด ๆ ก็รายของผู้ติดเชื้อ ที่รายงานวันที่ 21พ.ค.63 กรณีผู้สูงอายุ 72 ปี มีโรคเบาหวาน มะเร็งปอด มีประวัติไปโรงพยาบาล และร้านตัดผมย่านประชาชื่น กทม.ที่คุณหมอยังต้องตามสอบสวนให้ได้ข้อมูลมากขึ้นว่า นอกจากร้านตัดผมแล้วไปไหนอีก ต้องเรียกคนในครอบครัวมาสอบถามเพิ่มเติม


คุณหมอจากกรมควบคุมโรคบอกว่า ถ้ามีการติดเชื้อระดับกลุ่มก้อนอีกครั้งก็อาจจะเกิดระบาดโควิด-19 รอบ 2 ซึ่งจะทำให้กระทรวงสาธารณสุขต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากกว่านี้ โดยเฉพาะการคัดกรอง ควบคุม เฝ้าระวังโรค

ขณะที่ชาวบ้านเบาใจ อยากให้คลี่คลาย แต่ถ้าสังเกตท่าทีบุคลากรสาธารณสุขส่วนใหญ่ กังวลการรระบาดรอบ 2 จะเกิดขึ้นได้ ทุกระยะของการผ่อนคลาย

เพราะการผ่อนคลายทำให้มีกิจกรรมเพิ่มขึ้น การพบปะกันบ่อยครั้ง ความเคร่งครัดก็จางลง การรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล เป็นสิ่งที่จะถูกละเลยได้ง่ายและบ่อยครั้งมากที่สุด





สถานการณ์ของหลายประเทศที่การระบาดรอบสองเกิดขึ้น ก็เพราะการผ่อนคลายนี่แหละ


จึงไม่ใช่การระแวงที่เกินควรมากไป โอกาสความเป็นได้ก็สูงอยู่


แม้งานวิจัยวัคซีนจะคืบหน้า แต่กว่าจะสำเร็จออกมาใช้ได้ ก็ต้องรออย่างน้อย1 ปี



ช่วงแรกที่ผลิตได้ก็คงไม่ได้เหลือเฟือเพียงพอฉีดได้ครบทั่วทุกตัวคน




การระวัง รักษาระยะห่าง สวมหน้าหน้ากาก และล้างมือ คือวัคซีนที่จะป้องกันโรคได้ทันทีที่ทำ


เอาอย่างนี้ก่อนดีกว่า