พท.อัดขยาย พ.ร.ก.ทำลายเศรษฐกิจรากหญ้า ชี้รัฐสร้างความกลัวให้ประชาชนหวังคุมอำนาจยาว
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. นายสุรชาติ เทียนทอง อดีต ส.ส.กทม. รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับเดือดร้อน ไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ แม้รัฐบาลจะคลายล็อก แต่ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันได้เช่นเดิม เพราะรัฐบาลสร้างความกลัวให้กับประชาชน ออกมาขู่ประชาชนผ่านหน่วยงานของรัฐถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังไม่หมดไป การทำงานของรัฐบาลเพื่อเป้าหมายในการขยายความหวาดกลัวให้มากขึ้น โดยมีเป้าประสงค์คือ หวังคุมอำนาจกดหัวประชาชน ไปอีกนาน จากสถานการณ์ในปัจจุบันประชาชนกลัวอดตายมากกว่ากลัวโควิด-19 เพราะหากอยู่เฉยไม่ให้ทำอะไรเลย ก็ไม่มีรายได้มาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จุนเจือครอบครัว เด็กเล็กไม่มีนมกินเพราะแม่ไม่มีเงินซื้อนม ผู้มีอำนาจไม่เคยลงไปสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการรัฐมากแค่ไหน ในขณะเดียวกันการเยียวยาก็ไม่ทั่วถึง คนที่เข้าถึงเทคโนโลยีเท่านั้นที่จะได้รับการเยียวยา ซึ่งเป็นแนวคิดที่ผิดมาตั้งแต่ต้น เพราะสุดท้ายผลที่ออกมาคือคนไม่เดือดร้อนได้รับการเยียวยา การแต่คนที่เดือดร้อนจริงๆกลับไม่ได้รับการเยียว การทำงานของรัฐบาลสร้างความเหลื่อมล้ำในหมู่ประชาชน ทั้งๆที่การเยียวยาประชาชนต้องไม่มีเงื่อนไข ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงการเยียวยา และเพียงพอต่อการดำรงชีพ
นายสุรชาติ กล่าวด้วยว่า การขยายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลทำลายระบบธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขายอาหารริมทางเดินในช่วงเวลากลางคืน พ่อค้าแม่ค้า ไม่สามารถขายสินค้าได้ รัฐกำลังทำลายวัฒนธรรมและทำลายวิถีชีวิตของประชาชน แนะนำว่าเมื่อรัฐดูแลประชาชนได้ไม่ดีพอ ก็ควรปล่อยให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ หรือ ออกมาตรการและวิธีปฎิบัติตนให้กับประชาชน ในช่วงที่ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ รัฐไม่ควรจำกัดสิทธิเสรีภาพในการทำมาหากินของประชาชน ควรเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถทำมาหากินเพื่อดำรงชีพได้ ดีกว่ามารอความช่วยจากรัฐบาลที่ไม่ทั่วถึงและไม่เท่าเทียม