รู้นะ..อยู่ใกล้คนป่วยติดง่าย ฝรั่งเศสเจอระบาดเด็กใน รร.

2020-05-19 21:15:51

รู้นะ..อยู่ใกล้คนป่วยติดง่าย   ฝรั่งเศสเจอระบาดเด็กใน รร.

Advertisement



โควิด-19ของไทย รายงานวันที่ 19พ.ค.63 มีผู้ป่วยใหม่ 2 ราย จำนวนสะสม 3,033 ราย หายแล้ว 2,857 ราย ยังรักษาตัว 120 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดคงเดิม 56 ราย


ผู้ติดเชื้อใหม่ในสถานการณ์ผ่อนคลาย มักเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า เช่นเป็นญาติหรือทำงานที่เดียวกัน กรณี 2 รายนี้ อยู่ที่ จ.นราธวาส เป็นลูกสาวอายุ 36 และเขยอายุ 42 ของชายที่รักษาตัวในโรงพยาบาลสุไหงโกลก ซึ่งเป็นเป้าหมายการตรวจในฐานะกลุ่มเสี่ยง หนแรกไม่เจอ มาตรวจซ้ำห่างกัน 6 วัน จึงพบ





ระบบการตรวจเชิงรุกแบบนี้ ทำให้มั่นใจว่า การควบคุมโรคของไทยยังทำงานต่อเนื่อง ไม่ใช่ดีใจกับจำนวนรายใหม่ที่ลดลงแล้วไม่ได้ทำอะไรเพิ่ม


โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (ศบค.)แจงด้วยว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบ อันดับหนึ่งเป็นกลุ่มที่เดินเข้ามาขอตรวจ 1,585 รายหรือ 52% รองลงมาเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า 1,186ราย คิดเป็น 39% นอกนั้นตรวจพบในศูนย์กักตัวของทางราชการสำหรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ และการค้นหาเชิงรุก






ตอนนี้ ได้ปรับเกณฑ์การตั้งข้อสงสัยในการตรวจ ไม่ต้องรอให้มีอาการชัดเจนเหมือนช่วงก่อน เพื่อจะมีโอกาสพบได้เพิ่มขึ้น


ตรวจฟรีทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน


การพยายามควบคุมการแพร่ระบาดด้วยวิธีต่างๆ ทั้งการรักษา การตรวจหาเชื้อในเชิงรุกกับเป้าหมายกลุ่มเสี่ยงและการพยายามกันคนไม่ให้มีกิจกรรมการรวมกลุ่ม เรื่องสำคัญบางอย่าง เช่นการเปิดเรียนยังต้องเลื่อนออกไป ทำให้คนที่ห่วงใยการศึกษาไม่พอใจ





ขณะที่คนกลุ่มใหญ่เข้าใจได้ว่า การที่เด็กรวมตัวกันที่โรงเรียน สถานศึกษา ก็จะมีกิจกรรมใกล้ชิด โดยเฉพาะการเล่น ซึ่งเป็นปกติที่ห้ามได้ยาก การแพร่เชื้อจึงเกิดขึ้นง่าย



ก่อนหน้านี้เชื่อว่า เด็กจะแข็งแรง มีอาการไม่มากหรือไม่มีอาการและหายป่วยได้ แต่เมื่อกลับถึงบ้าน มีโอกาสจะนำเชื้อไปติดต่อกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว ที่อ่อนไหวต่อไวรัสตัวนี้




จังหวะของความเห็นที่แตกต่าง มีรายงานจากประเทศฝรั่งเศส โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดในสถานศึกษา 70 ราย ภายในสัปดาห์เดียวที่รัฐบาลผ่อนคลายอนุญาตให้เด็ก 1ใน3 กลับไปเรียนได้


ตอนนี้ โรงเรียน 7 แห่งทางตอนเหนือของฝรั่งเศสจึงปิดการเรียนการสอนอีกรอบ



ในเวลาใกล้เคียงกัน มีรายงานจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่าเด็กจำนวนหนึ่งที่มีอาการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ นั้น ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเป็นเด็กอายุระหว่าง 8 เดือนถึง 2 ปี


ฉะนั้นกิจกรรมอันใดที่จะเกี่ยวข้องกับเด็ก ถ้าเลี่ยงได้ ก็ไม่ควรเร่งร้อน


กรมควบคุมโรคของไทย ย้ำถึงปัจจัยสำคัญที่จะยับยั้งและชะลอการติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ความร่วมมือของประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ ทั้งอยู่ในบ้านและออกนอกบ้าน ได้แก่การการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกนอกบ้าน เว้นระยะห่างผู้อื่น 1-2 เมตร ล้างมือบ่อย ๆ กลับถึงบ้านให้รีบล้างมือ อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย ก่อนสัมผัสผู้อื่น




หากมีคนในครอบครัวป่วย ต้องแยกสำรับอาหาร สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ไม่ไอ จามใส่กัน ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการกอด หอมแก้ม คลุกคลีใกล้ชิด โดยเฉพาะกับผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ เพราะถ้าป่วยจะมีอาการรุนแรง

คุณหมอเข้าใจดีว่า การปฏิบัติมาตรการดังกล่าวในบ้านอาจทำยาก แต่ทุกคนก็ต้องตระหนักและใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัว


อย่าเชียร์อะไรให้เสี่ยงเพิ่มขึ้นเลย


โควิด-19 ทำให้ทุกคนต้องปรับวิถีชีวิตเป็นความปกติใหม่ หลักคิด วิธีปฏิบัติบางอย่างจำต้องเปลี่ยน ดังเห็นจากการเข้าห้างสรรพสินค้า จากที่เคยไปโดยไม่มีวัตถุประสงค์ว่าจะทำอะไร ร้านไหน นานเท่าใด ตอนนี้ ถูกจำกัดเวลา ต้องเช็กอิน เช็กเอาต์ จะเข้าร้านค้าก็ต้องสแกนและจำกัดจำนวน ถ้าคนเต็ม ก็ต้องรอ ในช่วงปรับตัวจึงมีปัญหา บางร้านเห็นว่าง แต่สแกนไม่ผ่าน เพราะลูกค้าคนก่อนหน้าออกไปโดยไม่เช็กเอาต์


ข้อมูลเหล่านี้ เป็นบิ๊กดาต้าที่รัฐควรยอมให้ศูนย์การค้าหรือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ นำไปใช้ประโยชน์เพื่อเอื้อกับการป้องกันโรค หรือสื่อสารสร้างความเข้าใจเรื่องของความเสี่ยงให้เข้าใจดียิ่งขึ้น


มีรายงานจากแพลตฟอร์มไทยชนะ แจ้งยอดสะสมร้านค้าลงทะเบียนแล้วกว่าหกหมื่นราย ผู้ใช้งาน 3.6 ล้านคน การเช็กอินมากกว่าการเช็กเอาต์ เป็นล้านครั้ง


10 จังหวัด ที่ร้านค้าสูงสุดลงทะเบียน ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร 2.ชลบุรี 3.นนทบุรี 4.สมุทรปราการ 5.ปทุมธานี 6.เชียงใหม่ 7.นครราชสีมา 8.ภูเก็ต 9.ขอนแก่น และ 10.สุราษฎร์ธานี ส่วนประเภทกิจการที่ลงทะเบียนมากที่สุด ได้แก่ 1. ร้านอาหาร เครื่องดื่มฯ 2. ห้างสรรพสินค้าฯ 3. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 4. ธนาคาร 5. การให้บริการ 6. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 7.คลินิกเสริมความงาม ร้านเสริมสวย 8.ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 9. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต และ 10. ร้านขายยา 661 ร้าน


ส่วนผู้รับบริการ ใช้บริการสูงสุด 10 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้าฯ 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตฯ 3. ร้านอาหารเครื่องดื่ม 4. ธนาคาร 5. การจำหน่ายสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค 6. ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 7. การให้บริการ 8. สินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต 9. ร้านขายยา และ 10. คลินิกเสริมความงาม ร้านเสริมสวย


เสร็จแล้วอย่าลืมเช็กเอาต์