วอชิงตัน, 19 พ.ค. (ซินหัว) — วันจันทร์ (18 พ.ค.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะตัดเงินทุนที่สหรัฐฯให้องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นการถาวร หากทางองค์การไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเรียกว่า “มาตรการปรับปรุงสำคัญภายใน 30 วันข้างหน้า”
ทรัมป์ได้โพสต์เนื้อหาในจดหมายที่เขาเขียนถึง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ในทวิตเตอร์ของเขา พร้อมเสริมว่าเขาอาจคิดทบทวนเรื่องที่ว่าสหรัฐฯ ควรเป็นสมาชิกขององค์การนี้หรือไม่
คำขู่ของทรัมป์เกิดขึ้นขณะที่โลกยังคงต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ซึ่งมีผู้ติดโรคร้ายนี้มากกว่า 4.8 ล้านรายทั่วโลกและมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้กว่า 318,000 รายแล้ว
สหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวที่รายงานพบผู้ติดโรคดังกล่าวมากกว่า 1.5 ล้านรายและมีผู้เสียชีวิตกว่า 90,000 ราย ณ เวลา 16.03 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) อ้างอิงข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมระบบ (CSSE) ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ (Johns Hopkins University) โดยสถิติทั้งสองนั้นสูงกว่าตัวเลขของประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ
ทรัมป์เคยประกาศไว้เมื่อกลางเดือนเมษายนว่า รัฐบาลของเขาจะหยุดการระดมทุนให้แก่องค์การอนามัยโลก ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนชี้ว่าการกระทำเช่นนี้ส่งผลให้เกิดการโยนความผิดกันไปมา และเป็นปฏิปักษ์ต่อการแก้ไขปัญหาสาธารณสุข
เมื่อวันจันทร์ ( 18 พ.ค.) โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่าช่วงเวลาที่สหรัฐฯ ควรใช้ในการรับมือกับโรคโควิด-19 ได้สูญเปล่าไปแล้ว
“เป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อคิดถึงความหวาดกลัว ความสูญเสีย และความเจ็บปวดที่คงไม่เกิดขึ้น หากประธานาธิบดีไม่ปล่อยให้เวลาสูญเสียไปมากขนาดนี้และลุกขึ้นมารับผิดชอบ” ไบเดนกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ “เราต้องจมอยู่กับการถูกปฏิเสธ ความล่าช้า และความว้าวุ่น”
องค์การอนามัยโลก ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหน่วยงานเฉพาะขององค์การสหประชาชาติด้านการสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการประสานงานการต่อสู้ระดับโลกเพื่อต่อต้านการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
ระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก ผู้นำระดับโลกหลายคนได้ปกป้ององค์การอนามัยโลกอย่างหนักแน่น และยืนยันสนับสนุนองค์การนี้ให้เดินหน้าในฐานะผู้นำในสมรภูมิการสู้รบกับโรคโควิด-19 ต่อไป
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (USC) ได้กล่าวชื่นชมองค์การอนามัยโลกว่า “องค์การอนามัยโลกก่อตั้งมาเนิ่นนานและยังคงเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมของเรา เราจึงตั้งมั่นจะทำทุกสิ่งที่ทำได้ร่วมกับองค์การนี้ เพื่อยับยั้งโควิด-19” เรดฟิลด์กล่าว “เราได้ทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับวิกฤตสุขภาพทั่วโลกมาหลายครั้งแล้ว และจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไป”