ไม่ใช่เชื้อแต่คนเป็นผู้นำพา จากพื้นที่เสี่ยงแพร่ข้ามจังหวัด

2020-05-18 21:57:01

ไม่ใช่เชื้อแต่คนเป็นผู้นำพา   จากพื้นที่เสี่ยงแพร่ข้ามจังหวัด

Advertisement




ผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 18 พ.ค. 63 จำนวน3 ราย ไม่มีรายงานการเสียชีวิต ยอดสะสมผู้ป่วย 3,031 ราย หายป่วยเพิ่ม1 จึงมีผู้ที่รักษาหายแล้ว 2,857 ราย

ที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลมีเพียง118 ราย


ผู้ป่วยใหม่วันนี้ 2 ราย มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยรายก่อนหน้า ในที่ทำงานเดียวกัน




สำนักงานแห่งเดียวนี้ พบผู้ป่วยแล้วรวม 6 ราย

ทั้ง 2 รายล่าสุด พบโดยการติดตามของกรมควบคุมโรค ดังนั้น จึงต้องขยายผลถึงผู้ที่ใกล้ชิดกับทั้งคู่ ให้มาตรวจเพิ่ม


กรณีนี้คงช่วยให้เข้าใจประโยชน์และผลของการหลงลืม ระยะห่างทางสังคมและเวิร์กฟอร์มโฮม ทั้งนี้ การพบหน้ากันในสำนักงาน อาจมีใครสักคนที่ติดเชื้อซึ่งยังไม่แสดงอาการเอาโรคมาแจกได้





อ่อนแอก็เลยแย่ไป

ส่วนผู้ป่วยรายที่ 3 พบจากการติดตามของกรมควบคุมโรคอีกเหมือนกัน เป็นหญิงไทยวัย27 ปี ชาวจ.ภูเก็ต อาชีพพนักงานขายสินค้า มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยรายก่อนหน้าที่เดินทางออกจากภูเก็ตกลับบ้านที่ปราจีนบุรี


คุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธินโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019 (ศบค) ท้าวความถึงทิศทางการสอบสวนโรค มีผู้ที่เดินทางออกจากจ.ภูเก็ตในเดือนมี.ค. 7 ราย และเดือน เม.ย. ออกไปอีกระลอก จุดหมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม เดือน พ.ค. ออกมาอีกชุด ดังปรากฏผู้ป่วยในจ.ปราจีนบุรีและเชียงใหม่



สรุปว่า ผู้ป่วยที่พบ มีความเชื่อมโยงกับการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งเป็นธรรมดา เวลามีโรคระบาด โรคติดต่อ จะเกิดลักษณะแบบนี้ ไม่ได้เป็นปัญหาของจังหวัด ประชาชนมีอิสระเสรีในการเดินทาง แต่ต้องเข้าใจความเสี่ยงของตัวเอง เมื่อมีอาการ ต้องรีบเข้ารับการรักษา รีบขอตรวจโดยเร็วถึงจะไม่มีอาการ แค่จมูกไม่ได้กลิ่น ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้หรือประวัติมีไข้ ก็ไปตรวจ เจอโรคเร็ว ก็รักษาได้เร็ว






ดังนี้ หากใครมีอาการอย่างว่า อย่าลังเล รีบไปหาหมอ พร้อมกับบอกญาติพี่น้องเพื่อนฝูงให้รีบเอาตัวออกห่าง แล้วตามไปขอตรวจหาเชื้อ ด้วยเหตุของการสัมผัสกับผู้ป่วยไม่ต้องมีไข้หรืออาการใดก็ไปได้





คนที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ชุมชนที่มีคนจากพื้นที่เสี่ยงมาร่วมชายคา อาศัยในชุมชน ก็ต้องเฝ้าระวังหรือเตือนกันให้ไปตรวจโดยไม่ชักช้า


การเฝ้าระวังอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะช่วงการผ่อนคลายที่ขยายวงมากขึ้น การเคลื่อนที่ การเดินทางเริ่มมีมากขึ้น ถึงจะมีคำแนะนำไม่ให้ข้ามจังหวัด ก็ไม่ได้ปิดกั้นทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์



การผ่อนปรนให้เปิดกิจการต่าง ๆ จึงมีกติกา เช่นการเช็กอิน เช็กเอาต์ ด้วยมือถือ การจำกัดคนเข้าออกร้านที่ลูกค้าหาข้อมูลก่อนได้ว่า มีที่ว่างหรือไม่


รายงานที่แจ้งผลวันแรกของการผ่อนคลาย มีห้างร้านลงทะเบียนแล้วเกือบ 5 หมื่นราย มีลูกค้า ผู้ใช้บริการเช็กอินกว่า 2.7 ล้านคน เป็นข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนว่า รัฐมีบิ๊กดาต้าที่ทราบว่าประชาชนไปไหน มีพฤติกรรมอย่างไร


มีการแพร่เชื้อเมื่อใดก็สืบสาวเข้าถึงต้นตอได้ไม่ยาก




อย่างไรก็ตาม การสำรวจกลุ่มกิจการทั้ง 6 ประเภท เพื่อติดตามมาตรการเฝ้าระวัง พบว่า ทุกรายการ คือตลาด ร้านอาหาร แผงลอย ซูเปอร์มาเก็ต สวนสาธารณะ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผม กิจการตัดขนสัตว์ ส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือการสวมหน้ากากอย่างดี


แต่การทำความสะอาดพื้นผิวยังต้องย้ำเตือน


การระวัง รักษาระยะห่าง ดูจะยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ควรจะเป็น


เรื่องนี้ สำคัญ และจำเป็น มากนะ