"บรรยิน"สุดอ่วมอัยการสั่งฟ้องแล้ว 10 ข้อหาหนัก

2020-05-18 17:25:24

"บรรยิน"สุดอ่วมอัยการสั่งฟ้องแล้ว 10 ข้อหาหนัก

Advertisement

อัยการสั่งฟ้องแล้ว "บรรยิน" พร้อมพวกฐานอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา เผยโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 18 พ.ค.63 นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 และรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราบ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา

โดยคดีดังกล่าวมี น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นผู้กล่าวหาผู้ต้องหา ซึ่งมีทั้งหมด 7 คน ได้แก่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาที่ 1, นายมานัส ทับทิม ผู้ต้องหาที่ 2, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ ผู้ต้องหาที่ 3, นายชาติชาย เมณฑ์กูล ผู้ต้องหาที่ 4, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ผู้ต้องหาที่ 5, ดาบตำรวจ ธงชัย หรือ สจ.อ้อด วจีสัจจะ ผู้ต้องหาที่ 6 และชายไทยไม่ทราบชื่อ เป็นผู้ต้องหาที่ 7




สืบเนื่องจากนายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชายของผู้พิพากษาผู้กล่าวหา ถูกอุ้มฆ่าโดยมีมูลเหตุมาจากการทำหน้าที่ผู้พิพากษาของ น.ส.พนิดา ซึ่งมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เป็นจำเลยในคดีอาญา เมื่อได้รับสำนวนแล้ว นายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้มอบหมายให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ซึ่งมีนายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี

นายพรพิชัย ไชยมาตร อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 จึงมีคำสั่งของสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 ที่ 5/2563 แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันพิจารณาคดี โดยพิจารณาสำนวนการสอบสวนโดยละเอียดรอบคอบก่อนเสนอความเห็นไปยังนางสิริญา อินทามระ รองอธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต และนายเจษฎา อรุณชัยภิรมย์ อธิบดีอัยการคดีปราบปรามการทุจริต



ซึ่งทั้งหมดเห็นพ้องตามที่คณะทำงานเสนอ จึงสั่งฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ผู้ต้องหาที่ 1 นายมานัส ทับทิม ผู้ต้องหาที่ 2, นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ ผู้ต้องหาที่ 3, นายชาติชาย เมณฑ์กุล ผู้ต้องหาที่ 4, นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข ผู้ต้องหาที่ 5 และดาบตำรวจธงชัยหรือ สจ.อ้อด วจีสัจจะ ผู้ต้องหาที่ 6

ประกอบด้วยข้อหา 1. ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ 3.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย 4.ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย 5.เป็นซ่องโจรโดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต 6.ร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป

7.ร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย 8.ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี 9.ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน โดย พ.ต.ท.บรรยิน ถูกฟ้องเพิ่มเติมในข้อหาสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา 



สำหรับชายไทยไม่ทราบชื่อ ผู้ต้องหาที่ 7 พนักงานสอบสวนเสนอเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง เพราะไม่มีพยานใดๆ ว่าผู้ต้องหาที่ 7 ไปร่วมกระทำผิดกับผู้ต้องหาที่ 1-6 ขั้นตอนต่อไป ศาลจะเบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การว่าจะให้การรับสารภาพ หรือปฏิเสธ ซึ่งคดีนี้ไม่ว่าจำเลยจะให้การอย่างไร พนักงานอัยการก็ต้องสืบพยาน เพราะเป็นคดีมีโทษประหารชีวิต