กลัวอะไรไวรัส กลัวอดตายดีกว่าไหม? วจีเด็ด "จาอีร์ โบลโซนาโร" ผู้นำบราซิล

2020-05-18 15:15:39

กลัวอะไรไวรัส กลัวอดตายดีกว่าไหม?   วจีเด็ด "จาอีร์ โบลโซนาโร" ผู้นำบราซิล

Advertisement

บรูโน โควาส นายกเทศมนตรีเมืองเซาเปาโล (São Paulo) เมืองเอกของรัฐเซาเปาลู ประเทศบราซิล เมืองนี้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและใหญ่อันดับ 4 ของโลกตามจำนวนประชากร แถลงว่า ระบบสาธารณธสุขของเมืองเซาเปาโล อาจล่มสลาย เพราะความต้องการใช้เตียงผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นเกินขีดความสามารถ จากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 


โควาส กล่าวว่า โรงพยาบาลของรัฐในเมืองนี้ รับการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ไปแล้วในขณะนี้ และอาจไม่มีพื้นที่เหลือเพื่อรองรับผู้ป่วยในอีก 2 สัปดาห์นี้

เมืองเซาเปาโล เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไวรัสโควิด-19 ระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศ มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 3,000 คนจนถึงขณะนี้




เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา บราซิลมีผู้ติดเชื้อไวรัสพุ่งแซงสเปนและอิตาลี เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขบราซิล รายงานว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 7,938 คนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมทั่วประเทศมากกว่า 241,000 คน รองจากสหรัฐ, รัสเซียและสหราชอาณาจักร

ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 485 คน รวมทั่วประเทศอยู่ที่ 16,122 คน สูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก



ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในบราซิล เตือนว่า จำนวนที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อน่าจะสูงกว่านี้มาก เนื่องจากไม่มีการตรวจหาเชื้อ

ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำขวาจัดของบราซิล ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งในประเทศและต่างประเทศ เรื่องมาตรการรับมือการระบาดของไวรัส เขาไม่เคยปฏิบัติตามคำแนะนำของสาธารณสุขโลกเกี่ยวกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ social distancing โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาก็ยังโพสต์ท่าถ่ายภาพคู่กับกลุ่มผู้สนับสนุนและเด็ก ๆ ในกรุงบราซิเลีย เมืองหลวงของบราซิล โดยไม่สนใจการระบาดของไวรัส

ประธานาธิบดีโบลโซนาโร จัดการวิกฤตไวรัสอย่างไร?



นายโบลโซนาโร ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองเซาเปาโล ยังคงคัดค้านมาตรการล็อคดาวน์ โดยกล่าวแย้งว่า การเว้นระยะห่างทางสังคมนั้น จะยิ่งทำลายเศรษฐกิจของประเทศให้พังพาบเท่านั้น

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เขาปราศรัยเรียกร้องให้บรรดานายกเทศมนตรีและผู้ว่าการรัฐ ยกเลิกมาตรการคุมเข้มที่บังคับใช้เพื่อควบคุมไวรัสโควิด-19 "ชีวิตของพวกเราต้องเดินหน้าต่อไป งานต้องรักษาไว้ เราต้องกลับไปสู่ภาวะปกติ"

ประธานาธิบดีผู้นี้ ระบุว่า การปิดธุรกิจและโรงเรียน, ร่วมกับการระงับการให้บริการขนส่งสาธารณะ เป็นนโยบายทำลายล้างทุกอย่าง หรือ scorched-earth policies

แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นายโบลโซนาโร ก็แย้งว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งรวมทั้งตัวเขา ไม่ได้เกรงกลัวไวรัสเลยแม้แต่น้อย "ด้วยประวัติของผม เป็นนักกีฬา หากผมติดเชื้อไวรัส ผมก็จะไม่มีเหตุผลต้องกังวล ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หรืออย่างน้อยก็จะเป็นไข้หวัดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น



ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นายโบลโซนาโร เข้าร่วมกับผู้ประท้วงเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ เขาบอกว่า มาตรการคุมเข้มต่าง ๆ กำลังทำลายเศรษฐกิจของประเทศ นำไปสู่การตกงานและความอดอยากหิวโหย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเนลสัน เทช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของบราซิล ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากเข้ารับหน้าที่ได้ไม่ถึงเดือน โดยเทชลาออกหลังเขาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผยต่อคำสั่งของประธานาธิบดีโบลโซนาโร ที่อนุญาตให้เปิดสนามกีฬาในร่ม หรือโรงยิม และสถานเสริมความงามอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ นายเอ็นริเก แมนเด็ตตา ก็ถูกนายโบลโซนาโร ปลอออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข เพราะความเห็นขัดแย้งกันเรื่องการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัส

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของบราซิลมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?

พวกเขาเตือนว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าตัวเลขของทางการมาก เนื่องจากไม่ได้มีการตรวจหาเชื้อในหมู่ประชาชน โดยนายโดมิงโก อัลเวส จากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล เมดิคัล สคูล กล่าวกับเอเอฟพีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บราซิลจะตรวจหาเชื้อเฉพาะในคนที่เข้าโรงพยาบาลเท่านั้น มันจึงยากที่จะรู้ความจริงจากข้อมูลที่มีอยู่ บราซิลไม่ได้มีนโยบายบริหารจัดการไวรัสอย่างเป็นรูปธรรมเลย



อัลเวส เป็นหนึ่งในผู้เขียนผลการศึกษาที่ประเมินว่า ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อนั้น สูงกว่าที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ถึง 15 เท่า

จนถึงขณะนี้ บราซิล ประเทศใหญ่ที่สุดในลาตินอเมริกา กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 มานานต่อเนื่องหลายสัปดาห์แล้ว

ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน มีผู้ติดเชื้อรวมกันมากกว่า 500,000 คน แต่จำนวนเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์อยู่ในบราซิล นอกจากนี้ ยังมีเม็กซิโกที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่เอกวาดอร์ ระบบสาธารณสุขในประเทศล่มสลายไปเรียบร้อยแล้วในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในลาตินอเมริกา ทำให้องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ แถลงว่า ขณะนี้ ทวีปอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสไปแล้ว

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยุโรปเป็น "ศูนย์กลางของการระบาด" แต่ขณะนี้ ภูมิภาคนี้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์อย่างช้า ๆ หลังจากการระบาดเริ่มชะลอและผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง