เหยื่อโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุ 3 แสนคน

2020-05-15 08:25:02

เหยื่อโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุ 3 แสนคน

Advertisement


สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ล่าสุดวันนี้ ผู้เสียชีวิตทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นมากกว่า 3 แสนคนแล้ว และติดเชื้อมากกว่า 4.4 ล้านคน จากข้อมูลจากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงสถิติ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮอปกินส์ ในสหรัฐ ตัวเลขที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตน่าจะสูงกว่านี้มาก อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกลดลง ทำให้รัฐบาลหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์เปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ตรงกันข้ามกับมหาอำนาจ อย่างสหรัฐและอังกฤษ ที่ยังคงต้องฟันฝ่า ดิ้นรนหาทางออกจากวิกฤตไวรัสที่ยังคงระบาดรุนแรงอยู่ต่อไป

เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ เตือนว่า ไวรัสโควิด-19 อาจไม่หนีหายไปไหนและจะเป็นไวรัสอีกตัวที่จะอยู่คู่กับชุมชนต่อไป แม้แต่หลายประเทศที่ดูเหมือนว่าจะเอาชนะวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดได้แล้ว เช่นจีนและเกาหลีใต้ ก็กำลังพบความจริงแล้วว่าการกลับมาใช้ชีวิตตามปกตินั้น ยังอีกยาวไกลและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เพราะไวรัสมีโอกาสกลับมาระบาดใหม่ได้ตลอดเวลา



จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ใน 4 หรือกว่า 84,000 คน อยู่ในสหรัฐ ซึ่งผู้เสียชีวิตพุ่งสูงต่อเนื่องตลอดเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังคงขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอัตราประมาณ 1,500 คนต่อวัน เป็นเวลานานหลายสัปดาห์แล้วที่สหรัฐมีผู้เสียชีวิตรายวันมากกว่าประเทศอื่น ๆ แต่สหรัฐก็จะเดินหน้าตามแผนเพื่อเริ่มต้นเปิดเศรษฐกิจของประเทศ โดยเกือบจะทุกมลรัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มบางส่วนในสัปดาห์นี้ และกำลังทำให้เกิดความวิตกกังวลต่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่ทำเนียบขาวเองก็อ้างโมเดล แบบจำลองการคาดการณ์ว่า จะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 147,000 คนในสหรัฐภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้การระบาดรุนแรงมากขึ้น

สำหรับสหรัฐขณะนี้ มีผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วประเทศอยู่ที่ 1,413,012 คน และเสียชีวิต 85,581 คน



ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตในประเทศลาตินอเมริกา มีรายงานว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยบราซิล ซึ่งประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร แสดงท่าทีบ่อยครั้งว่าไม่ให้ความสนใจภัยคุกคามจากไวรัส ผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 13,000 คน ขณะเดียวกัน เม็กซิโก ก็มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 4,000 คน นอกจากนี้ ยังมีการระบาดรุนแรงในเอกวาดอร์และเปรูด้วย

ในยุโรป ซึ่งถูกถล่มด้วยไวรัสก่อนสหรัฐไม่นาน บางประเทศเริ่มประกาศมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ในการกลับไปใช้ชีวิตปกติ โดยสเปนและอิตาลี อดีตศูนย์กลางการะบาดรุนแรง ก็ขยับเขยื้อนอย่างระมัดระวังในการเปิดธุรกิจบางส่วนอีกครั้ง และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตรายวันในอัตราที่สูงหลายร้อยคน แต่ก็ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับในช่วงเดือนมีนาคมและต้นเดือนเมษายน แต่ภาพรวมในสหราชอาณาจักรกลับเลวร้ายกว่า ซึ่งถูกมองว่ารุนแรงที่สุดในยุโรป

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร ประกาศแผนการคร่าว ๆ ในการเปิดประเทศเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่แผนการ หรือโรดแม็พของเขา ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากำลังสร้างความสับสนให้ประชาชน และตัวเลขผู้เสียชีวิตในสหราชอาณาจักร ก็ยังคงพุ่งสูงต่อเนื่องวันละหลายร้อยคน ขณะเดียวกัน รัฐบาลของเขาก็พยายามไล่ตรวจหาเชื้อในหมู่ประชาชนให้ได้มากที่สุด แต่ก็ทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 100,000 คนต่อวัน ตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในช่วงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ในเยอรมนี ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ดีกว่าในหลายประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งเป้าเปิดสังคมอย่างมั่นคงอีกครั้ง แต่ขณะที่หลายประเทศในเอเชีย ซึ่งจัดการกับไวรัสได้อีกในช่วงต้น ถึงตอนนี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยากมากในการควบคุมการระบาดของไวรัส โดยจีนกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง หลังจาก 2 เมืองพบการติดเชื้อไวรัสครั้งใหม่ ซึ่งรวมทั้งปิดเมืองซูหลาน ใกล้พรมแดนรัสเซียด้วย และในเกาหลีใต้ ก็พบผู้ติดเชื้อกลุ่มใหม่ในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศ จุดชนวนให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการระบาดรอบ 2 และกระตุ้นให้ประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ประกาศคำเตือน ซึ่งสะท้อนให้ทั่วโลกได้เห็นว่า “ตราบใดที่เสียงระฆังไม่ดังขึ้น ต้องตั้งการ์ดป้องกันต่อไป”