กระทรวงสาธารณสุขบราซิล แถลงว่า บราซิลทำสถิติมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 โดยเมื่อวันอังคาร เสียชีวิตเพิ่มอีก 881 คน รวมตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศขณะนี้ อยู่ที่มากกว่า 12,700 คนแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า บราซิล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของลาตินอเมริกา ขณะนี้ เลื่อนอันดับเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ขึ้นที่ 6 แล้ว และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ตัวเลขที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก เนื่องการบราซิลไม่ได้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสในหมู่ประชาชน ตัวเลขผู้ติดเชื้อตามจริงน่าจะสูงกว่าที่ทางการเปิดเผยถึง 15 เท่า
ส่วนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศขณะนี้ อยู่ที่ 181,518 คน โดยเมื่อวันอังคาร มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกมากกว่า 9,000 คน และแซงเยอรมนี ที่มีผู้ติดเชื้อประมาณ 170,500 คนด้วย
ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสคาดว่าจะเร่งความเร็วมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ และมีความหวาดกลัวกันว่า การระบาดของไวรัสจะเกินขีดความสามารถของระบบสาธารณสุขบราซิล แต่ประธานาธิบดีจาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำขวาจัดของบราซิล ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจต่อภัยคุกคามดังกล่าวนี้มาตลอด และยังเปิดปากวิพากษ์วิจารณ์ผู้ว่าการรัฐและนายกเทศมนตรีของเมืองต่าง ๆ ว่ายังคงใช้มาตรการคุมเข้มยืดเยื้อเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัส พร้อมทั้งยังกดดันและเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ เปิดเศรษฐกิจให้เดินหน้า
ผู้นำบราซิล ยังออกมาปกป้องการตัดสินใจของเขาเมื่อวันพุธที่กำหนดให้สนามกีฬาในร่ม หรือโรงยิม และร้านตัดผม เป็นธุรกิจจำเป็น ทั้ง ๆ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสพุ่งสูง ยุโรปเริ่มยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ เพราะจำนวนผู้เสียชีวิตและติดเชื้อลดลง แต่การระบาดในบราซิลยังอยู่ในอัตราเร่ง ซึ่งนายโบลโซนาโรไม่ได้สนใจต่อความเสี่ยงจากการระบาดของไวรัส และยังวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งปิดเมืองของรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐด้วย
ทั้งนี้ นายโบลโซนาโรขัดแย้งกับบรรดาผู้ว่าการรัฐในสัปดาห์นี้ จากคำสั่งกำหนดประเภทธุรกิจ เช่นโรงยิมและร้านตัดผม ให้เป็นประเภทธุรกิจที่จำเป็น ยกเว้นจากมาตรการล็อคดาวน์ ซึ่งเขากล่าวว่า ความเสียหายต่อเศรษฐกิจจากการปิดธุรกิจต่าง ๆ เลวร้ายกว่าการระบาดของไวรัส เขาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียล มีเดียว่า ผู้ว่าการรัฐท่านใดที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของเขาก็ไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลได้เลย และเขายังขู่ด้วยว่า จะใช้มาตรการทางกฎหมายเล่นงานผู้ว่าการรัฐเช่นกัน หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
ขณะนี้ มีผู้ว่าการรัฐอย่างน้อย 10 คน กล่าวว่า พวกเขาจะไม่ทำตามคำสั่งของประธานาธิบดี
ส่วนคะแนนนิยมของนายโบลโซนาโร ตกต่ำอย่างหนักตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤตไวรัสระบาด โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพบว่า ความไม่พอใจในตัวประธานาธิบดีเพิ่มขึ้นมากกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ จากเดิม 47 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งกรณีที่ศาลฎีกาทำการสอบสวนข้อกล่าวหาที่ว่านายโบลโซนาโรพยายามแทรกแซงการสอบสวนคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิ่งกัดกร่อนคะแนนนิยมของเขา และยิ่งทำให้เขาขาดสมาธิในการแก้ปัญหาการระบาดของไวรัส และยังเขย่าตลาดเงินด้วย
นายโบลโซนาโร ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2561 ด้วยการให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำการเมืองให้สะอาด, ปฏิรูปอย่างเป็นมิตรกับตลาด เพื่อฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจ หลังถดถอยอย่างหนัก แต่แผนการทุกอย่างล้มเหลวจากการระบาดของไวรัส
แหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจะลดแนวโน้มการคาดการณ์ของเศรษฐกิจปี 2563 ในเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี จะดิ่งลงมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน ผลตรวจร่างกายของนายโบลโซนาโร เพื่อหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ออกมาเป็นลบ ในการตรวจแยกกันถึง 3 ครั้งระหว่างวันที่ 12 และ 17 มีนาคม หลังจากที่เขาเดินทางกลับจากการประชุมทวิภาคีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ซึ่งผลตรวจเผยแพร่สู่สาธารณชนในช่วงบ่ายวันพุธ โดยริการ์โด เลวานโดว์สกี ผู้พิพากษาศาลฎีกาบราซิล เป็นผู้ประกาศผลตรวจดังกล่าว ส่วนอีกหลายคนที่ร่วมเดินทางร่วมคณะไปกับเขาก็ได้ผลตรวจเป็นลบเช่นกัน