องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทำนายว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก จะทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมหดตัว 3.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่เกิด ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ เกรท ดีเพรสชัน (Great Depression) เมื่อปี พ.ศ. 2472 ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1
รายงานกลางปี สถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของสหประชาชาติ (The United Nations World Economic Situation and Prospects) เผยแพร่เมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) จากสำนักงานใหญ่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า ไวรัสโควิด-19 จะทำให้ผลิตผลเศรษฐกิจทั่วโลก ลดลงเกือบ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ($ 8.5 trillion) ในระยะ 2 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเท่ากับลบล้างผลผลิต ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา เกือบทั้งหมด
ในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ยูเอ็นทำนายอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะอยู่ในระดับปานกลางที่ 2.5 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2563
รายงานฯ ทำนายอีกว่า ไวรัสโควิด-19 ยังจะทำให้ความยากจนและความไม่เท่าเทียม ขยายตัวมากยิ่งขึ้น มีแนวโน้มประชากรโลกราว 34.3 ล้านคน จะถลำลงต่ำกว่าเกณฑ์ความยากจนสุดขีดในปี 2563 โดย 56 เปอร์เซนต์ในจำนวนดังกล่าวอยู่ในแอฟริกา และอีก 130 ล้านคนอาจจะเข้าร่วมกลุ่ม ประชาชนที่ดำรงชีวิตด้วยความยากจนสุดขีด ภายในปี 2573 ซึ่งจะส่งผลกระทบมหาศาล ต่อความพยายามของทั่วโลก ในการกำจัดภาวะยากไร้สุดขีดและความอดอยากหิวโหย ภายในสิ้นทศวรรษนี้.