คดีแม่แจ้งความพ่อล่วงละเมิดทางเพศลูกในไส้ 2 คนชายหญิงนานนับปี พ่อปฏิเสธ ลูกตัวเองจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ส่วนแม่ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่กล้าเอาเกียรติศักดิ์ศรีหน้าที่การงานมาแลก
วันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนางก้อย (นามสมมติ) อายุ 37 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แจ้งความตำรวจ สภ.เมือง จ.นครราชสีมา ดำเนินคดีกับสามี คือ นายเสกสรร (นามสมมติ) อายุ 47 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยเดียวกัน ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศลูกในไส้พร้อมกัน 2 คน เป็นเด็กหญิง 9 ขวบ และเด็กชาย 7 ขวบ ภายในบ้านพักนานนับปี แจ้งความเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา กล่าวหาว่า สามีอาศัยจังหวะตนไม่อยู่บ้าน หรือพาลูกอีกคนไปข้างนอก ล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวและลูกชาย พร้อมข่มขู่ลูกๆ ไม่ให้บอกใคร จนลูก ๆ พากันหวาดกลัว ก่อนไปเล่าเหตุการณ์ให้กับเพื่อนข้างบ้านฟัง เรื่องจึงแดงขึ้น เมื่อตนเค้นสอบถามจากปากของลูก จึงทราบความจริง ก่อนพาลูกๆ ไปแจ้งความให้ดำเนินคดี แต่คดีไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤตยา เลาประสพวัฒนา ผู้กำกับ สภ.เมืองนครราชสีมา เผยว่า พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบว่า เป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยส่งเด็กไปตรวจร่างกายที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ใกล้ทราบผลในเร็วๆ นี้ พร้อมกับนัดสหวิชาชีพสอบสวนเด็กผู้เสียหายต่อหน้าอัยการ ยืนยันคดีนี้ตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
ด้าน นางเสกสรร อายุ 47 ปี พ่อที่ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศลูกตัวเอง เดินทางเข้าพบผู้กำกับ สภ.เมือง นครราชสีมา เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมให้การปฏิเสธ ไม่ได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวและลูกชายของตัวเอง ยืนยันว่า “ลูกตัวเอง จะทำอย่างนั้นได้ยังไง” พร้อมกล่าวว่า รู้สึกงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ก่อนหน้านี้ก็อยู่กินเป็นครอบครัวปกติดี ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะ หรือมีเรื่องบาดหมางใด ๆ ก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ ลูกสาวพยายามถอยห่างจากตัวเอง จึงรู้สึกแปลกใจ กระทั่งทราบข่าวภรรยามาแจ้งความ และภรรยาของตนเองไม่ได้มีอาการป่วยทางจิตแต่อย่างใด ปกติดี ไม่รู้เกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากนี้พร้อมต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม คดีนี้พนักงานสอบสวนกำลังรอผลตรวจยืนยันจากทางแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา เพื่อยืนยันว่าเด็กทั้ง 2 คน มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายแม่ยืนยันต้องการดำเนินคดีสามีให้ถึงที่สุด หากไม่ใช่เรื่องจริง ก็คงไม่กล้าเอาเกียรติศักดิ์ศรี หน้าที่การงานของตนเองมาแลกกับเรื่องแบบนี้