นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำสหราชอาณาจักร เปิดเผย “แผนการพ่วงเงื่อนไข” ในการเปิดสังคมอีกครั้ง อนุญาตให้ประชาชนใช้เวลาออกนอกบ้านได้มากขึ้นนับจากวันพุธนี้ โดยเขาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ เรียกร้องให้ประชาชนทั่วสหราชอาณาจักร กลับไปทำงานได้ หากพวกเขาไม่สามารถทำงานจากที่บ้าน หรือ work from home ซึ่งจะเป็นมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป จุดยืนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรก่อนหน้านี้ คือต้องการให้ประชาชนออกนอกบ้านเฉพาะไปทำงานเท่านั้น หากพวกเขาต้องไปทำงาน เขาบอกว่า ขณะนี้ รัฐบาลต้องย้ำว่า คนที่ไม่สามารถทำงานจากที่บ้านได้ เช่นภาคการก่อสร้าง หรือการผลิต ก็จะได้รับการสนับสนุนให้ออกไปทำงานได้ แต่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ นับจากวันพุธนี้ ประชาชนในสหราชอาณาจักร จะสามารถออกไปอาบแดดในสวนสาธารณะใกล้บ้าน, ออกกำลังกายได้ตามที่พวกเขาต้องการ และขับรถไปยังจุดหมายปลายทางอื่น ๆ ได้ด้วย
ในการแถลงบันทึกเทปไว้ล่วงหน้าก่อนออกอากาศในช่วงเย็นวันอาทิตย์ นายจอห์นสัน เปิดเผยแผนการ หรือโรดแม็พ เพื่อรื้อฟื้นกิจกรรมในประเทศ หลังอยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์นานกว่า 6 สัปดาห์ ซึ่งเขาบอกว่า แผนการนี้เป็นการกำหนดเพื่อให้เกิดความสมดุลอย่างระมัดระหว่างระหว่างการควบคุมการติดเชื้อรายใหม่ ขณะมีการผ่อนคลายภาระทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของไวรัส ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนในสหราชอาณาจักร
ก่อนการประกาศของจอห์นสัน ประชาชนในส่วนงานที่ไม่สำคัญ ได้รับคำแนะนำให้ออกจากบ้านได้เฉพาะไปออกกำลังกายในพื้นที่ใกล้บ้านได้วันละครั้ง และไปซื้ออาหารและยารักษาโรคเท่านั้น
นายจอห์นสัน บอกด้วยว่า สหราชอาณาจักรจะไม่ยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ในเดือนนี้ แต่จะใช้ระบบเตือนภัย (alert system) เพื่อช่วยตัดสินว่า จะสามารถเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มได้เมื่อไหร่และที่ไหน ระบบเตือนภัยนี้จะใช้เป็นมาตรการต่อต้านไวรัสโดยอาศัยฐานข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการระบาดของไวรัส ซึ่งจะบอกให้รัฐบาลทราบว่าต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในระดับใดบ้าง เข้มข้น เข้มข้นกว่า หรือต่ำกว่านี้ ก็ขึ้นอยู่กับอัตราการระบาดของแต่ละพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งจะทำให้สามารถผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ได้เร็วขึ้น
นายจอห์นสัน หวังว่า ขั้นตอนต่อไปจะมีขึ้นเร็วสุดภายในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งอาจจะอนุญาตให้เด็กนักเรียนกลับไปเรียนหนังสือได้ รวมทั้งจะเปิดร้านค้าอีกครั้ง แต่ก็เตือนว่า มันจะเกิดขึ้นได้ หากได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์
จนถึงช่วงสายวันจันทร์ สหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อไวรัสสูงเป็นอันดับ 3 ของโลกอยู่ที่ 220,449 คน รองจากสหรัฐและสเปน ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 31,930 คนเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐเท่านั้น