ไม่ใช่"ครู"แต่"อสูรนรก" สังคมสุดทราม อย่าให้มีที่ยืน

2020-05-10 13:40:41

ไม่ใช่"ครู"แต่"อสูรนรก"  สังคมสุดทราม อย่าให้มีที่ยืน

Advertisement


ในฐานะ"ลูกครูประชาบาล" เป็นอีกครั้งหนึ่งที่โกรธและเกลียดที่สุด กับการกระทำของอสูรร้ายจากนรกในคราบเครื่องแบบครู ย่ำยีลูกศิษย์ของตัวเองข้ามปี


ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีถึง 5 คน และยังมีศิษย์เก่าของโรงเรียนร่วมก่อ"ตราบาป"อันโหดร้ายอีก 2 คน


ถ้าไม่"โคตรเลว"แบบไร้คำบรรยายจริงๆ รับรองทำไม่ได้แบบนี้


และเหมือนกับสูตรสำเร็จรูป ทางต้นสังกัดต้องตั้งกรรมการสอบ ระหว่างนั้ให้ออกจากราชการไปก่อน และในทางคดีอาญา ก็ได้รับการประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน




เท่ากับปล่อยตัวให้ออกไปเพ่นพ่านเหมือนคนทั่วไป แต่ที่เพิ่มเติม คือใช้สาระพัดวิธี ซึ่งส่วนใหญ่ออกไปทางเลวร้ายเพื่อให้ตนพ้นผิด หรืออย่างแย่ที่สุด คือได้รับโทษน้อยที่สุด


ไม่ว่าจะใช้เจรจาหว่านล้อมแกมบังคับ ผ่านผู้หลักผู้ใหญ่ตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. นักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือแม้แต่ตำรวจ ให้พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กไม่เอาความ หรือกลับคำ หรือให้ปากคำที่เอื้อประโยชน์แก่บรรดา"อสูร"ทั้งหลาย อ้างเหตุผลสาระพัด ตั้งแต่โรงเรียนจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ยิ่งเป็นข่าวใหญ่ยิ่งทำให้ตระกูลและพ่อแม่ต้องเสียหายไปด้วย ให้ยอมรับเงินเยียวยาจิตใจจะดีกว่า พูดง่ายๆ คือเอาเงินฟาดหัว


หากยังไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรน ก็อาจโดนข่มขู่ด้านสวัสดิภาพและความปลอดภัย เจออย่างนี้เข้าไป ใครยังจะกล้าหืออีก


อย่างที่บอก นี่คือสูตรสำเร็จ ที่ทำให้เกิดพฤติการณ์แบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า มิหนำซ้ำครั่งนี้ ยังมีดราม่าครูรุ่นพี่โพสต์ให้กำลังใจผู้ก่อกรรมทำเข็ญอีก โดยอ้างสงสารลูกเมียรุ่นน้อง ทั้งที่คนทำซึ่งบรรลุนิติภาวะถึงขั้นมีลูกมีเมียแล้ว แทนที่จะตระหนักและคิดถึงเรื่องนี้ก่อนทำ แต่กลับจะให้คนอื่นเห็นใจ




นี่ยังไม่นับ ผอ.โรงเรียน หรือแม้แต่ครูคนอื่นๆในโรงเรียน รู้ระแคะระคายเรื่องนี้หรือไม่ เพราะขนาดศิษย์เก่าบางคนที่อยู่นอกโรงเรียนยังระบุว่า เรื่องนี้เกิดมานานแล้ว แต่เด็กนักเรียนถูกข่มขู่ จึงไม่กล้าบอกใคร


จึงกลายเป็นปมปริศนาว่าต่างพยายามช่วยกันปกปิด หรือเห็นว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของยุคสมัยนี้ หรืออาจพาลคิดกันไปถึงขั้นที่ว่า เด็กรู้เห็นเป็นใจด้วย จึงปล่อยเลยตามเลย


ต้องย้ำนะครับว่า นี่คือเรื่องเด็กนักเรียนถูกกระทำโดยคนในคราบครูถึง 5 คน แถมมีรุ่นพี่อีก 2 คน ไม่ว่าจะอย่างไร จะอ้างเหตุผลข้อไหน หรือแม้แต่จะอ้าง"เด็กเล่นด้วย"ก็ไม่มีสิทธิ์จะกระทำแบบนี้


เพราะคนจะเป็นครูได้ ต้องมีจรรยาบรรณและจริยธรรมของความเป็นครูอยู่ในจิตสำนึก ซึ่งคนจะเป็นครูทุกคนต้องถูกพร่ำสอนอบรมก่อนจะไปทำหน้าที่"ครู" คือต้องรักและห่วงใยนักเรียนเหมือนลูกของตนเอง หากคิดเช่นนี้ได้ จะไม่มีครูคนไหน ไปทำเรื่องเลวร้ายกับลูกศิษย์ของตนเอง


นายตวง อันทะไชย ประธานกรรมาธิการการศึกษา ของวุฒิสภา ซึ่งจบด้านการศึกษาทั้งปริญาตรีและปริญญาโท และผ่านอาชีพครูมายาวนาน สำทับว่า เกราะป้องกันตั้งแต่ต้นทาง คือต้องเลือก"ครูดี"ไปทำหน้าที่ครูสอนเด็กนักเรียน ไม่ใช่เลือกจาก"ครูเก่ง"อย่างที่ทำกันมา เพราะ"ครูดี"อาจไม่ใช่"ครูเก่ง"จึงควรให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสเลือกครูของเขาเอง ระหว่างการทดลองสอน



ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่จ.มุกดาหาร ผู้ใหญ่ในกระรวงศึกษาธิการ ต้องจัดส่งนักกฎหมายหรือนิติกรของกระทรวงลงไปช่วยเหลือเด็กทันที เพื่อให้พ่อแม่ผู้ปกครองรู้สึกอบอุ่นใจ ได้มีความรู้ความเข้าใจในแนวทางการต่อสู้คดี ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และที่สำคัญ เป็นการป้องกัน ไม่ให้ต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จนสุดท้ายโดน"เงินฟาดหัว" เพื่อให้เรื่องจบ ขณะที่ผู้กระทำยังลอยนวลต่อไปได้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น





ต้องไม่ลืมว่า นักเรียนและลูกศิษย์ ถูกครูอาจารย์ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่ เงียบหายไปเฉยๆ กระทั่งเกิดกรณีใหม่แทนที่ วนเวียนซ้ำซาก เนื่องจากไม่ได้ป้องปรามสะกัดกั้นอย่างเข้มแข็งจริงจังตั้งแต่ต้น



แทนที่จะได้ "ครูดี"มีจิตสำนึก เข้าไปช่วยปั้นแต่งอนาคตเด็กๆให้สดใส กลับได้แต่"อสูร"จากนรก สอดแทรกเข้าไปไม่รู้จบ



เคราะห์กรรมของใครครับ